“REIC” ชี้ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างรอการขาย ไตรมาส 2/2566 ขยับขึ้น 1.9% แจงราคาวัสดุก่อสร้าง-ที่ดิน-ค่าแรงเพิ่มเป็นเหตุ
31 ก.ค. 2566 – นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 129.7 เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 พบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรก็มีการเพิ่มขึ้น 1.1% สะท้อนให้เห็นว่าราคาบ้านจัดสรรในไตรมาส 2ได้มีการปรับราคาขึ้นจากปีที่แล้วและจากไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นโครงการใหม่ที่เปิดตัวในช่วงปี 2564-2565 ซึ่งมีต้นทุนค่าพัฒนาโครงการสูงขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าที่ดินและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาสูงขึ้นตาม แต่ในไตรมาส 2/2566 พบว่าราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายโดยการให้ของแถมมากที่สุด เช่น ฟรีแอร์ ปั๊มน้ำ แท้งก์น้ำ จัดสวน ปูหญ้า ฯลฯ
โดยเมื่อแยกรายละเอียดพบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรตามพื้นที่ กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 127.9 เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 130.5 เพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 2/2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.1 เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 4 ไตรมาส ตั้งแต่ ไตรมาส 3/2565และเพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเพิ่มสูงกว่าภาพรวมของบ้านจัดสรร ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ไตรมาส 2 มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.9 เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยพบการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 3 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 ซึ่งกรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.8 เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตามราคาทาวน์เฮ้าส์ยังน่าจะเป็นทิศทางขาขึ้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงราคาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่องกัน 3 ไตรมาส ตั้งแต่ ไตรมาส 4/2565 และในพื้นที่ 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 130.6 ลดลง -1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ได้สะท้อนว่าราคาโดยภาพรวมของทาวน์เฮ้าส์ยังคงต่ำกว่าปีก่อน แต่เริ่มเห็นการปรับเพิ่มของราคาทาวน์เฮ้าส์ในไตรมาส 2/2566
ขณะที่ดัชนีราคาภาพรวมห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 155.1% จุด เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมาติดต่อกัน 2 ไตรมาส โดยมีข้อสังเกตว่าการปรับตัวของดัชนีราคาห้องชุดใหม่ได้มีทิศทางการปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจนในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ทยอยสร้างเสร็จในปี 2564 – 2565 ซึ่งมีต้นทุนค่าพัฒนาโครงการสูงขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าที่ดินและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ต้องปรับราคาสูงขึ้นตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
REIC ชี้ ไทยที่อยู่อาศัยคนแก่ขาดแคลนสวนทางประชากรสูงวัยโตพรวด
“REIC” เปิดผลสำรวจที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ ปี 2567 ยังไม่เพียงพอรองรับความต้องการ หลังประชากรสูงวัยโตพรวด 4.89% กางทั้งประเทศมีโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเพียง 916 แห่ง ส่วนใหญ่ปักหมุดในนกรุงเทพ-ปริมณฑล
ธอส. เตือนภัย!! ระวังมิจฉาชีพ ใช้ภาพกรรมการผู้จัดการ ปล่อยสินเชื่อบุคคลออนไลน์
ธอส. เตือนภัย!! อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างหลอกลวงใช้ภาพกรรมการผู้จัดการ ปล่อยสินเชื่อบุคคลออนไลน์
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ชี้ราคาบ้านใน กทม. และปริมณฑล ขยับตัวเพิ่มขึ้น
ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 4 ปี 2566 บ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯดัชนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ดันดัชนีภาพรวมพุ่ง 130.3
ธอส. ปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 66 เข้าเป้า 2.3 แสนล้าน แย้มคุม NPL อยู่หมัด
นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2566 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายในปี 2566
ราคาเหล็กลดวูบ หนุนดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้าน Q3 เพิ่มเพียง 1.5%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ไตรมาส 3 ปี 2566 มีค่าดัชนีเท่ากับ 134.2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2566 (QoQ) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน