ทรู - ดีแทค ปิดไตรมาส 2 ฐานผู้ใช้งานรวม 2 ค่าย 51.1 ล้านเลขหมาย รายได้เพิ่ม 1.1%

บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานทิศทางรายได้การให้บริการดีต่อเนื่อง ส่งสัญญาณเชิงบวกจากแรงหนุนรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) ที่ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นและยอดผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น พร้อมความสำเร็จจากการผสานพลังที่เห็นผลอย่างรวดเร็วจากการควบรวมและมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 14.7% จากไตรมาสก่อน

28 ก.ค. 2566 – นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ ทรู คอร์ปอเรชั่น มีทิศทางผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการ และการผสานความแข็งแกร่งในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดของดีแทคและทรู โดยหลังจากควบรวมกันมา 4 เดือน เรายินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าการดำเนินการตามแผนการควบรวมยังเป็นไปตามแผนงาน พร้อมทั้งเราได้เริ่มทยอยรับรู้ผลประโยชน์แบบรวดเร็วจากการควบรวม

ทรู คอร์ปอเรชั่นได้เสร็จสิ้นกระบวนการคัดเลือกพันธมิตรซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และประสบความสำเร็จในการแต่งตั้งผู้ดำเนินการแผนรวมโครงข่าย (RFP) นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประโยชน์ในการประหยัดต่อขนาดที่มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพของการลงทุนและประหยัดได้ประมาณ 3 พันล้านบาทภายหลังจากการควบรวมกิจการ ลูกค้าของแบรนด์ดีแทค และทรูได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ซึ่งนำไปสู่การเติบโตของการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวเนื่อง (cross-selling) ในแต่ละเดือน โดยการให้บริการครอบคลุมระบบนิเวศของโซลูชั่นทำให้ลูกค้าภักดีอยู่กับแบรนด์เพิ่มขึ้น (Customer Loyalty) เพิ่มโอกาสในการรับรู้รายได้

ทั้งนี้ ข้อมูลไตรมาสที่ 2/2566 มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 29 ล้านรายได้รับประโยชน์จากความหลากหลายของคลื่นความถี่ เครือข่ายที่กว้างขึ้น และได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นจากการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ ทั้งนี้ จากการพัฒนาเครือข่ายดังกล่าว ผู้ใช้แบรนด์ดีแทคได้ใช้บริการ 5G เร็วขึ้น 2.3 เท่า และมีการใช้งาน 5G สูงขึ้น 12%
นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ดีแทคและทรูเป็นแบรนด์ผู้ให้บริการมือถือที่แข็งแกร่ง โดยยังคงเป็นผู้นำในการให้บริการซิมสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว ซึ่งออกแบบการให้บริการโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการนำเสนอคอนเทนท์ ความบันเทิง และการใช้งานโซเชียลมีเดีย พร้อมกับข้อเสนอต่างๆ ที่น่าสนใจ ทั้งนี้ ยอดการทำธุรกรรมภายใต้โปรแกรมสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น 17% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแนวคิดชีวิตดีกว่า เมื่อมีกันและกัน (Better Together) ส่งผลให้การรักษาลูกค้ากลุ่มที่ใช้บริการแพ็คเกจที่มีอัตราค่าบริการในระดับสูง (high-tier) เพิ่มขึ้น 9% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยไตรมาส 2/2566 ทรู คอร์ปอเรชั่นมีฐานผู้ใช้งานดิจิทัลสูงถึงประมาณ 14 ล้านราย”

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ผู้ใช้บริการมือถือเพิ่มขึ้น 659,000 หมายเลข ทำให้มียอดลูกค้ามือถือจำนวนรวมทั้งสิ้น 51.1 ล้านหมายเลข โดยเพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาสที่ผ่านมา ผู้ใช้งาน 5G มีจำนวนถึง 8.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสที่ 1/2566 โดยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการใช้งานและการเพิ่มขึ้นของ ARPU 10-15% โดยสาเหตุหลักมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารพร้อมบริการ โดยสิ้นไตรมาส 2/2566 การให้บริการ 4G ครอบคลุม 99% ของประชากร และ 5G ครอบคลุม 90% ของประชากร ตามลำดับ

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีขึ้นจากแนวโน้มนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าวที่เริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและอัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า การแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมยังคงทรงตัวในไตรมาสที่ 2 โดยมีการลดลงของการให้ส่วนลดและการเพิ่มคุณค่าสินค้าและการบริการให้แก่ลูกค้าที่เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า ทรู คอร์ปอเรชั่นจะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ โดยการผสานความแข็งแกร่งในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด การดำเนินการตามแผนการควบรวม และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับไตรมาส 2/2566 มีทิศทางดีขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น พร้อมประโยชน์จากการลดค่าใช้จ่ายตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพและการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยส่งผลดีต่อการเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าระบบเติมเงินของเรา ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าวมากที่สุดในประเทศ นอกจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและอัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลงแล้ว ทรู คอร์ปอเรชั่นยังคงมุ่งเน้นที่การเติบโตอย่างมีกำไร ซึ่งนำไปสู่ EBITDA ที่สูงขึ้นและอัตรากำไรที่ดีในไตรมาสนี้

การเติบโตของรายได้จากการให้บริการธุรกิจมือถือและบรอดแบนด์ส่งผลให้มีการเติบโตของรายได้จากการให้บริการรวมเพิ่มขึ้น 1.1% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) โดยรายได้จากบริการมือถือเพิ่มขึ้น 0.8% (QoQ) จากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการฟื้นตัวของ ARPU รายได้จากบริการบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น 3.2% (QoQ) โดยได้แรงหนุนจาก ARPU ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของการแข่งขันในตลาด โดยมุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพของการได้มาซึ่งผู้ใช้งานใหม่ และการเพิ่มโอกาสจากการขายพ่วงหลังจากการรวมธุรกิจ รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ลดลง 28.5% (QoQ) เนื่องจากยอดขายที่ลดลงตามฤดูกาล ส่งผลให้รายได้รวมลดลง 4.6% (QoQ)

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ทั้งหมด ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (D&A) ลดลง 16.7% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) จากมาตรการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมในระยะสั้น ในส่วน EBITDA สำหรับไตรมาสนี้ดีขึ้น 14.7% โดยเป็นผลจากรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น การลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) และผลกระทบเชิงบวกสุทธิจากการกลับรายการตั้งสำรองเนื่องมาจากการยุติข้อพิพาทในไตรมาส 1/2566

รายงานผลขาดทุนสุทธิหลังหักภาษีจำนวน 2,320 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time effect) จากการกลับรายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีของผลขาดทุนยกมาของ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด หรือ DTN เนื่องจากความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท และค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวม (Integration cost) จำนวนประมาณ 250 ล้านบาท โดยขาดทุนสุทธิยังได้รับผลกระทบจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้นจากการขยายโครงข่าย CAPEX สำหรับไตรมาส 2/2566 จำนวน 3,435 ล้านบาท ได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นภายหลังจากการควบรวม

สำหรับการคาดการณ์ในปี 2566 บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ปรับปรุงแนวโน้มสำหรับปี 2566 ซึ่งคิดเป็นระยะเวลา 10 เดือนของการดำเนินงานนับจากวันที่ควบรวมกิจการเสร็จสิ้น โดยคาดว่า EBITDA จะมีการเติบโตที่เป็นตัวเลขหลักเดียวในระดับต่ำ-ปานกลาง (low-to-mid single digit) ในขณะที่ยังคงแนวโน้มที่ทรงตัวสำหรับรายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ทั้งนี้ เงินลงทุน หรือ CAPEX ประมาณการณ์ไว้ที่ 25,000 – 30,000 ล้านบาท ตามที่เคยประกาศไว้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทรู ผลักดัน 5G ทั่วไทย เสริมแกร่งใช้ AI ต่อยอดบริการ

"ทรู ทั่ว ไทย ทั่วถึง ทุกคน" ชู "ใบเฟิร์นXซอฟต์พาวเวอร์" ภายใต้แนวคิด "True Power, Connecting the Nation" ตอกย้ำศักยภาพเครือข่ายทรู 5G ที่พัฒนาต่อเนื่องให้ดีที่สุดรองรับการเชื่อมต่อ Generative AI และดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์วิถีนักท่องเที่ยวยุคใหม่ให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่จำเป็นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ตลาด mai เปิดกำไร บจ. ไตรมาส 1 รวมทะลุ 4.6 พันล้านบาท

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.7% และ 6.4% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ บจ. มีความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ดีขึ้น

เซ็นทรัล รีเทล โชว์รายได้ Q1 โกยรายได้ 6.7 หมื่นล้าน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล เปิดปีโตต่อเนื่อง ด้วยผลประกอบการในไตรมาสแรก

OR เผยผลประกอบการไตรมาสแรก 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนในทุกกลุ่มธุรกิจ เสริมแกร่งศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มุ่งสู่การเป็น Data-Driven Organization ควบคู่กับการสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน

OR เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มี EBITDA จำนวน 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ และมีกำไรสุทธิ 3,723 ล้านบาท