“สมาคมสายการบินฯ” นัดถก “พิธา”สาง 3 ปมปัญหา ภาษีน้ำมันฯ-ฟรีวีซ่า-ลดต้นทุน ฟื้นไทยเป็นการบินฮับอาเซียน ด้าน “พิธา”ย้ำหากก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะผลักดันอุตสาหกรรมด้านการบิน พร้อมหารือสายการบินวางแนวทางลดต้นทุนค่าตั๋วให้เหมาะสม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากขึ้น
12 ก.ค. 2566 – นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสมาคมสายการบินประเทศไทย จำนวน 7 สายการบิน ได้แก่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส,ไทยแอร์เอเชีย ,ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ,ไทยสไมล์ ,นกแอร์ ,ไทยไลอ้อนแอร์ และเวียตเจ็ท โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อผลักดันนโยบายสร้างความเข้มเเข็งและมาตรฐานให้ธุรกิจการบิน พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยให้เติบโต
สำหรับการหารือในครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ที่ทางพรรคก้าวไกล และพรรคร่วม 8 พรรค ได้ประชุมหารือกับสมาคมนักท่องเที่ยว โดยได้มีหัวข้อเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสายการบิน ซึ่งเนื้อหาสำคัญที่ได้มีการหารือร่วมกันในครั้งนี้ อาทิ เรื่องการบริหารงานราชการแผ่นดินของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงต่างประเทศที่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการขอวีซ่า กระทรวงคมนาคม ที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแล และวิสาหกิจต่างๆ โดยได้มีการหารือถึงเรื่องศูนย์ซ่อมบำรุงที่มี จำนวน 2 แห่งในประเทศ ทำให้หลายสายการบิน ต้องมีการซ่อมบำรุงในต่างประเทศ ทำให้ไทยเสียโอกาสในเรื่องนี้
นอกจากนี้ได้มีการกำหนดประเด็นเร่งด่วน ที่รัฐบาลชุดต่อไปต้องเข้ามาแก้ปัญหา โดยแบ่งเป็น 3 เรื่อง 1.การส่งเสริมนโยบายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย อาทิ การกำหนดอัตราที่เหมาะสมของภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน ซึ่งเรื่องนี้มีผลกระทบต่อประชาชน ในเรื่องของราคาตั๋วเครื่องบินที่อาจสูงขึ้น ตามราคาภาษีที่ต้องจ่ายภาครัฐ
2.การเร่งแก้ไขอุปสรรคและข้อจำกัดของอุตสาหกรรมการบินไทย อาทิ เร่งกระบวนการเพิ่มอุปทานของอุตสาหกรรมการบิน หรือขั้นตอนการนำเข้าเครื่องบิน การบูรณาการทำงานระหว่างสนามบินและสายการบิน เพื่อลดต้นทุนของสนามบิน โดยเฉพาะระบบนิเวศน์ที่เป็นต้นทุนกว่า 15-20% ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปดูว่าต้นทุนดังกล่าว ไทยสามารถสู้ประเทศเพื่อนบ้านได้หรือไม่
และ 3.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแก่อุตสาหกรรมการบิน อาทิ การเจรจาเพิ่มสิทธิการบิน ในประเทศกลุ่มเป้าหมายของการท่องเที่ยวไทย การลดค่าธรรมวีซ่า หรือเปิดฟรีวีซ่า เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้น 3 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งประเทศเหล่านี้เดินทางเข้าไทยมาเป็นจำนวนมาก และนักท่องเที่ยวไทยก็เดินทางไปประเทศเหล่านี้มากเช่นกัน ดังนั้น เรื่องนี้ต้องทำให้เกิดความสมดุล เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวระหว่างประเทศต่อไป
นายพิธา กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวหายไปจากช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 กว่า 38% ซึ่งในส่วนของเรื่องแผนที่จะผลักดันไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การบินของภูมิภาคอาเซียน นั้น ที่ผ่านมาพรรคฯ ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องกับทางการบิน อาทิ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยได้รับข้อมูลว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลายประเทศในอาเซียนรุกหนักมาก โดยเฉพาะสิงคโปร์ ที่ได้จัดทีมเจรจาในการหาเอกสิทธิ์ของเส้นทางการบินจากประเทศต่างๆ ในการเดินทางข้ามทวีป ซึ่งเรื่องนี้ไทยยังเป็นรองสิงคโปร์ค่อนข้างมาก ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นอีกปัญหาที่สำคัญของรัฐบาลชุดต่อไป ที่ต้องให้ไทยกลับมาเป็นฮับของอาเซียนให้ได้
“หากพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฯ ได้เป็นรัฐบาล ภายใน 4 ปีจะต้องทำให้อุตสาหกรรมด้านการบิน ในฐานะเป็นหน้าด่านของภาคท่องเที่ยว พร้อมกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ได้ โดยจะต้องวางแนวทางให้สายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในด้านต้นทุนราคาค่าโดยสารให้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยว ที่มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพ เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้นต่อไป” นายพิธา กล่าว
ด้าน นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ อุปนายกสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้แทนนายกสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้บริหารของสายการบินทั้ง 7 สายการบิน ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยมองว่าทางพรรคก้าวไกล และตัวแทนของทั้ง 8 พรรคร่วมรัฐบาล มีความเข้าใจถึงปัญหาที่ธุรกิจการบินต้องพบเจอได้เร็วมาก และเชื่อว่าจะสามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาได้
“การพูดคุยในครั้งนี้ ได้ลงลึกถึงปัญหาในทุกเรื่องของธุรกิจสายกการบิน แต่เรื่องที่สามารถเร่งแก้ไขได้ในเบื้องต้นมี 3 เรื่องที่กล่าวไปข้างต้น โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนด้านภาษีต่างๆ ที่ธุรกิจต้องเสียให้หน่วยงานของรัฐ และต้นทุนเกี่ยวกับซัพพลายเชนทั้งหมด อีกทั้งยังได้พุดคุยถึงโอกาสในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้มากขึ้น หากสามารถกำหนดให้ต่างชาติฟรีวีซ่าได้ในบางครั้ง บางคราว ก็จะสามารถกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เห็นตรงกันว่าสามารถเร่งแก้ไขได้” นายธรรศพลฐ์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เอ็ดดี้ อัษฎางค์' มีคำตอบให้! 'พิธา' ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูเพื่อไทย
เอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอ็นเซอร์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย อัษฎางค์ ยมนาค มีคำตอบให้
'พิธา' คุยพรรคประชาชนแข่งเลือกตั้งมีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่าแพ้
ที่จ.อุดรธานี แกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย. 2567 ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง คณิศร ขุริรัง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก
'พิธา' เย้ยกลับทักษิณอย่าลืมผลเลือกตั้ง 66 ลั่นอุดรฯคือเมืองหลวงประชาธิปไตย
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีจากพรรคประชาชน
'พิธา' เผยไม่ได้เห็นต่าง 'ทักษิณ' เรื่องเปลี่ยนโครงสร้าง เหน็บอย่ามัวแต่พูด ถึงเวลาต้องทำแล้ว
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวระหว่างลงพื้นที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร
ถึงคิว 'พิธา' ยกทัพตรึงอุดรฯ ร่วมงานลอยกระทง ขึ้นปราศรัย 3 เวทีใหญ่
ถึงคิว 'พิธา' ยกทัพตรึงอุดรธานี หลังโดน 'ทักษิณ-พท.' แย่งเรตติ้งสองวันติด ร่วมงานลอยกระทง ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่สามจุดวันเสาร์
จับตา “พ่อใหญ่แม้ว” เยือนอุดรฯ เป่ากระหม่อม24พ.ย.สู้ศึกอบจ.
ในวันที่ 24 พ.ย.ที่จะถึงนี้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งก่อนหน้านี้มี “วิเชียร ขาวขำ” นั่งเป็นนายก อบจ.อุดรฯ แต่เจ้าตัวลาออกอ้างปัญหาสุขภาพ จึงต้องทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน และเป็นที่น่าจับตาว่า พรรคใหญ่ 2 พรรค ส่งคนสู้ศึกในครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ