
2 ก.ค.2566-นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า สุดสัปดาห์วันนี้ มาชวนคุยเรื่องปัญหา ‘ส่วนต่างดอกเบี้ย’ และวิธีการ “ลดดอกเบี้ยเงินกู้” ในไทยกันครับ
ผมเคยเล่าเชิงเปรียบเทียบว่าที่ออสเตรเลีย ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝากประจำกับดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านห่างกันเพียง 1% ในขณะที่ในตลาดการเงินไทยห่างกันถึง 5% ในไทยมีธนาคารให้บริการสินเชื่อซื้อบ้านถึง 15 ธนาคาร แต่อัตราดอกเบี้ยทุกธนาคารต่างกันน้อยมาก การเพิ่มจำนวนธนาคารจึงไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เหตุผลที่ดอกเบี้ยเงินกู้เราสูงมีหลากหลาย ข้อเท็จจริงคือธนาคารไทยมีสัดส่วนทุนเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงที่สูงเมื่อเทียบกับที่อื่น ความหมายคือถึงแม้รายได้ธนาคารดูเหมือนสูง แต่อัตราการทำกำไร (เมื่อเทียบกับทุนที่สูง) ของธนาคารไทยกลับค่อนข้างตํ่า – พูดง่ายๆ คือรายได้เยอะแต่กำไรน้อย แบบนี้แย่ทั้งกับผู้ใช้บริการและผู้ถือหุ้นธนาคาร และแย่กับระบบเศรษฐกิจโดยรวม
กฎหมายการยึดหลักประกันก็ไม่เอื้อต่อการสะสางการจัดการกับหนี้เสียได้อย่างรวดเร็ว ประเด็นนี้ก็เป็นเหตุให้ลูกหนี้ดีต้องแบบรับภาระของลูกหนี้เสียด้วยอัตราเงินกู้ที่สูงเกินควร ฝ่ายกำกับให้ความสำคัญกับความมั่นคงของธนาคารสูง หลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ทัศนคติการปกป้องธนาคารจึงเป็น วัฒนธรรมหลักในการออกนโยบาย แต่ความมั่นคงที่สูงมีต้นทุนเสมอ (เช่นเดียวกับกำลังผลิตไฟฟ้าที่สูงมากที่ทำให้ค่าไฟแพง หรือเงินคงคลังที่สูงที่ทำให้รัฐบาลมีภาระดอกเบี้ยที่สูงด้วย) ถูกแล้วที่ฝ่ายการเมืองต้องหาวิธีลดภาระดอกเบี้ยของประชาชน ซึ่งในบริบทของเมืองไทยที่ประชาชนจำนวนมากยังกู้เงินจากธนาคารไม่ได้ จึงหมายถึงการเพิ่มโอกาสให้คนไทยสามารถกู้ยืมเงินในระบบธนาคารให้มากขึ้นด้วย
ในความคิดของผม เรื่องที่ควรต้องทำพร้อมกันจึงมีหลายเรื่อง ผมขอเสนอ 4 เรื่อง ส่วนใครมีความคิดเห็นอื่นเพิ่มเติมลองแชร์กันนะครับ 1. #ปฏิรูประบบธนาคาร ให้เป็น Open Data Banking – ซึ่งความหมายหลักคือปฏิวัติหลักการเพื่อให้กรรมสิทธิ์ข้อมูลของลูกค้าเป็นของลูกค้า (ไม่ใช่ของธนาคาร) และลูกค้าสามารถอนุมัติให้ธนาคารอื่นๆ ทุกธนาคารสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนที่ธนาคารใดธนาคารหนึ่งได้ เมื่อเข้าถึงข้อมูลได้ก็จะเกิดการแข่งขันทันที – Open Data Banking จะเป็นระบบที่ทำให้เกิดการแข่งขันขึ้นจริงระหว่างธนาคาร และส่งผลมากกว่าการเพิ่มจำนวนธนาคารในระบบเดิม
2. #แก้กฎหมายเครดิตบูโร เปลี่ยนระบบ credit bureau เป็นระบบ credit score ด้วยการเพิ่มประเภทข้อมูลที่ใช้ในการประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ประสงค์จะกู้ นำไปสู่การ #ยกเลิกแบล็กลิสต์ โดยพฤตินัย
3. #เพิ่มการแข่งขัน ด้วยการเพิ่มผู้เล่น โดยเฉพาะผู้เล่นที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดต้นทุนการให้บริการ (อย่างเช่น digital bank หรือที่แบงก์ชาติเรียกว่า virtual bank)
4. #ทบทวนกลไกการบังคับสัญญาการกู้ยืม เพื่อให้มีการสะสางหนี้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อนแต่ก็มีความสำคัญ
คนไทยจะได้ 1) กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง 2) การแข่งขันเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องทุ่มเพิ่มทรัพยากรลงไปในการขยายระบบธนาคารมากเกินไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'กรณ์' หนุนแนวคิดทักษิณ 'ซื้อหนี้' แต่ต้องไม่เป็นประชานิยมเกินไป ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกลุ่มทุน
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว. คลัง โพสต์ข้อความแสดงความเห็นต่อกรณีนายทักษิณ ชินวัตร เสนอแนวคิดซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคาร โดยมีข้อความว่า “ซื้อหนี้?
ผงะ! ขุนคลัง ขอร่วมวงถก สมาคมแบงก์
“ขุนคลัง” ส่งซิกร่วมประชุมสมาคมแบงก์ หวังถกปลดล็อกปล่อยกู้ กระทุ้งหั่นดอกเบี้ย พร้อมเร่งหาข้อสรุปมาตรการ LTV ให้จบก่อนสิ้นเดือนนี้ “นักวิชาการ” หนุนหวยเกษียณ แต่แนะเพิ่มเงินรางวัล
นายแบงก์ผวา! 'ขุนคลัง' ส่งซิกร่วมประชุมสมาคมธนาคารไทย บี้ปลดล็อกปล่อยกู้ หั่นดอกเบี้ย เร่งสรุปLTVก่อนมหกรรมบ้าน
'ขุนคลัง' ส่งซิกร่วมประชุมสมาคมแบงก์ หวังถกปลดล็อกปล่อยกู้ กระทุ้งหั่นดอกเบี้ย พร้อมเร่งหาข้อสรุปมาตรการ LTV คาดได้ข้อสรุปก่อนมหกรรมบ้านและคอนโด ปลายเดือนนี้
‘วราวุธ’ เคาะโรงรับจำนำรัฐฟรีดอกเบี้ย 5 เดือน บรรเทาภาระผู้ปกครองรับเปิดเทอม
สธค. มีมาตรการช่วยเหลือประชาชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ฟรีดอกเบี้ย 5 เดือน วงเงินจำนำสูงสุด 1,000 บาท เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย