
โฆษกรัฐบาลย้ำประกาศเรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ จะมีผลใช้บังคับ 1 พ.ย. 66 เป็นต้นไป
2 ก.ค. 2566 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ซึ่งประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป เว้นแต่ในส่วนหน้าที่ของผู้ก่อกำเนิด (WG) ตามข้อ 13 และหน้าที่ของผู้รับดำเนินการ (WP) ตามข้อ 22 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายฉบับดังกล่าว กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายหรือเป็นผู้รับผิดชอบ (Polluter Pays Principle: PPP) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยกำหนดความรับผิดตั้งแต่ต้นทางโรงงานผู้ก่อกำเนิด ไปจนกว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจะได้รับการจัดการจนแล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดให้โรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียทุกโรงงาน ต้องรายงานข้อมูลผ่านระบบการรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ iSingle Form (https://isingleform.go.th/home) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ใช้ในการกำหนดนโยบาย การกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงาน การป้องกันและปราบปรามการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อม
“จากข้อมูลกระทรวงอุตสาหกรรมระบุ ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียจำนวน 60,638 โรงงานทั่วประเทศ โดยมีโรงงานที่ยังไม่ได้รายงานข้อมูลกว่า 27,000 แห่ง ดังนั้นรัฐบาล โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จึงขอให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ได้เร่งประสาน ติดตาม และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานรายงานข้อมูลการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้ว ผ่านระบบข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ iSingle Form (https://isingleform.go.th/home) ภายในกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ สอดคล้องและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการะทรวงกลาโหม ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการพัฒนาและการสร้างความเจริญเติบโตที่ต้องดำเนินการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการปกป้อง รักษา ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาระบบจัดการสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการแก้ไขการจัดการขยะและของเสียอย่างเป็นระบบ ตลอดจนการพัฒนาโรงงานกําจัดขยะและของเสียอันตรายที่ได้มาตรฐาน ซึ่งการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม จำเป็นต้องใช้กฎหมายในการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด และต้องมีการจัดการอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ของเสียจากภาคอุตสาหกรรมหลุดออกจากระบบ อาจส่งผลกระทบกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.ไฟเขียว กม.กาสิโนแล้วส่งไม้ต่อให้สภาพิจารณา
'จิรายุ' เผย ครม.เห็นชอบ ร่าง พรบ.ธุรกิจสถานบันเทิงฯ ตามข้อเสนอของกฤษฎีกา พร้อมส่งสภาพิจารณาต่อไป ยืนยันเน้นลงทุน เพื่อการท่องเที่ยว เป็นหลัก 'กาสิโน' ต้องไม่เกิน 10%
'จิรายุ' ตีปี๊บนายน้อยสุดขยันประชุม ครม.วันนี้ส่วนพรุ่งนี้ลงภูเก็ตอีกแล้ว
นายกฯอิ๊งค์ลุยงานต่อ เช้านี้ประชุม ครม. ก่อนลงพื้นที่ภูเก็ตเช้าพรุ่งนี้ ติดตามนโยบายท่องเที่ยว-กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าผลักดันซอฟต์พาวเวอร์
นายกฯ สั่งโชว์ความจริงสิทธิมนุษยชนไทยให้โลกเห็นในการไปดูชีวิตชาวอุยกูร์
'จิรายุ' เผย 'ภูมิธรรม' ยกคณะบินเยี่ยมอุยกูร์แล้ว นายกฯกำชับสื่อสารความจริงด้านสิทธิมนุษยชน ของไทยให้นานาประเทศเห็น
'TikTok' ทุ่มเงินลงทุน 3 แสนล้าน ดันซอฟพาวเวอร์ไทยกระหึ่มโลก
'TikTok' ประกาศทุ่มเงินกว่า 3 แสนล้านบาท เดินหน้าลงทุนในไทย พร้อมสนับสนุนนวัตกรรม-เศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งสินค้าโอทอป และซอฟพาวเวอร์ไทย ผ่านแพลตฟอร์มให้กระหึ่มโลก
นายกฯ อิ๊งค์เตรียมจ้อผ่านจอ 2 มี.ค.เรื่องเศรษฐกิจ!
'นายกฯอิ๊งค์' เตรียมจ้อหน้าจออัปเดตเศรษฐกิจไทย - โอกาสการลงทุน- อนาคตเกษตรกร ในรายการ 'โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร' วันอาทิตย์ 2 มี.ค.นี้
นายกฯ อิ๊งค์ประชุม ครม.สัญจรนัดแรกของปีที่สงขลา
นายกฯ อิ๊งค์ เตรียมบินถก ครม.สัญจรนัดแรกของปีที่สงขลา พร้อมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าพัฒนาภาคใต้ สั่ง รมต.ลงตรวจราชการ รับฟังปัญหาปชช. ด้วย