DITP แนะผู้ประกอบการสิ่งทอวางแผนทำตลาดอิตาลี

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะผู้ประกอบการสิ่งทอไทยติดตามภาวะเศรษฐกิจนโยบายภาษี การกำหนดมาตรฐานสินค้า พฤติกรรมผู้บริโภคการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมก่อนนำมาปรับแผนการทำตลาดสินค้าสิ่งทอในอิตาลีเผยผ้าไหมมีโอกาสสูง เหตุอิตาลีต้องนำเข้าทั้งหมด พร้อมแนะจับตาระเบียบ Ecodesign ของสหภาพยุโรป ป้องกันผลกระทบต่อการส่งออก

29 มิ.ย. 2566 -นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.อนงค์นารถ มหาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ถึงแนวโน้มตลาดสินค้าสิ่งทอในตลาดอิตาลี และโอกาสในการส่งออกสินค้าสิ่งทอไทยเข้าสู่ตลาด

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดสิ่งทออิตาลีว่า ในปัจจุบันต้องติดตามประเด็นเศรษฐกิจมหภาค และการเมืองในภูมิภาคของประเทศคู่ส่งออกอย่างใกล้ชิด และวางแผนรับมือกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 และต้องคอยติดตามนโยบายภาษีและกฎระเบียบของสหภาพยุโรปที่มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ที่มีผลต่อการกำหนดมาตรฐานของสินค้า รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่ขณะนี้ช่องทางออนไลน์ยังคงมีความสำคัญ และเป็นช่องทางที่ดำเนินการได้จากต่างประเทศ ผู้ประกอบการต้องกระจายช่องทางการขายออนไลน์ เพื่อรักษาประสิทธิภาพและสัดส่วนตลาดต้องมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ด้านการใช้สื่อดิจิทัลเพื่อดึงดูดลูกค้า

ขณะเดียวกัน ยังพบว่า บริษัทแฟชั่นในอิตาลีต้องเผชิญกับความท้าทายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลเสียต่อทั้งความต้องการของผู้บริโภค และต้นทุนการดำเนินงานของแบรนด์โดยผู้บริโภคกำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เนื่องจากหลายคนเลือกสินค้าที่ถูกกว่าหรือมีส่วนลดเพื่อลดการใช้จ่าย แม้ว่าภาคสินค้าฟุ่มเฟือยจะยังคงแข็งแกร่ง เพราะผู้บริโภคที่ร่ำรวยไม่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะเงินเฟ้อ จึงจำเป็นต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน และผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการ

นอกจากนี้ ผลการสำรวจตลาด ยังพบว่าผู้บริโภคตระหนักถึงกระแสนิยมที่ทั่วโลกกำลังรณรงค์ในเรื่องของแทรนด์สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยผู้ประกอบการต้องมีข้อพิสูจน์หรือตรารับรองมาตฐานที่น่าเชื่อถือ และเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคจะช่วยให้สินค้าได้รับความสนใจและทำการตลาดได้ดีขึ้น

นายภูสิต กล่าวว่า สำหรับโอกาสของผู้ประกอบการของไทย เนื่องจากไทยมีวัตถุดิบไหมคุณภาพยอดเยี่ยม สามารถใช้โอกาสนี้ในการส่งออกวัตถุดิบผ้าไหม เพราะอิตาลีเป็นประเทศที่ไม่มีวัตถุดิบไหม ต้องนำเข้าทั้งหมด และเนื่องจากอิตาลีมีอุตสาหกรรมการแปรรูปและผลิตสินค้าผ้าไหมที่ใช้นวัตกรรมสูง ทำให้ผ้าไหมมีให้ผิวสัมผัสนุ่มนวลและพริ้วที่สุด ดังนั้น การศึกษาตัวอย่างนวัตกรรมและการตลาดของอิตาลีหรือการหาโอกาสในการแลกเปลี่ยนทักษะ ด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ และนำไปพัฒนาอุตสาหกรรมโดยรวม จะช่วยให้การเจาะตลาดในอิตาลีทำได้ดีขึ้น และสามารถยกระดับให้ผ้าไหมไทยมีความเป็นสากลและเหมาะกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต้องติดตามเรื่องร่างกฎระเบียบ Ecodesign ของสหภาพยุโรป (Ecodesign regulation) ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นกฎหมาย ภายใต้นโยบาย European Green Deal โดยกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดเฉพาะสินค้า (Product-specific.rules) และกฎสำหรับกลุ่มสินค้าที่มีลักษณะร่วมกัน (Rules for groups of products with common characteristics) เพื่อทำให้มั่นใจว่าสินค้าที่วางจำหน่ายในตลาดสหภาพยุโรปจะมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยขอบเขตสินค้า นอกจากจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานแล้ว ยังรวมถึงสินค้าอื่น ๆ อาทิ เช่น สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ที่นอน ยางรถ ผงซักฟอก สี สารหล่อลื่น เหล็ก เหล็กกล้า อะลูมิเนียม เป็นต้น โดยสินค้าที่จะวางจำหน่ายในตลาดสหภาพยุโรปเหล่านี้ จะต้องมีเงื่อนไขในการออกแบบเพิ่มเติม เช่น ความคงทน ความน่าเชื่อถือ การนำกลับมาใช้ การอัปเกรด การซ่อมบำรุงที่นำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ ส่วนประกอบรีไซเคิล การผลิตใหม่และรีไซเคิลรอยเท้าคาร์บอนและสิ่งแวดล้อมประหยัดปริมาณการใช้น้ำ เป็นต้น

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กกร.เชียงใหม่' จ่อชง 'ครม.สัญจร' เยียวยาผู้ประกอบการน้ำท่วม

นายอาคม สุวรรณกันทา ประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย จังหวัดเชียงใหม่ และรองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มาหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นกับเชียงใหม่ปีนี้

‘พิพัฒน์’ ปั้นผู้ประกอบการช่างตัดผม ช่างเสริมสวย อัพสกิลแรงงาน สร้างรายได้สูง มั่นคง ยกระดับฝึมือ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

วันที่ 16 ตุลาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดการแข่งขันตัดผมและมอบถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขันในงานครบรอบ 10 ปี กลุ่มช่างตัดผมชาย ในงาน 10 th Anniversary Barber Society of Thailand 2024