สทนช.เร่งเครื่อง แผนบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำชีแก้ภัยแล้ง น้ำท่วมซ้ำซาก

11 มิ.ย. 2566 – นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่าได้ลงพื้นที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ติดตามความก้าวหน้าผลการศึกษาแผนหลักแบบบูรณาการเพื่อบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนกลาง รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าการบริหารจัดการน้ำเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยฤดูฝน 66 ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและลุ่มน้ำชี

ทั้งนี้ จากผลการศึกษาพบ พื้นที่โครงการมีสภาพปัญหาทั้งด้านอุทกภัย ภัยแล้งซ้ำซากและฝนทิ้งช่วงเป็นประจำทุกปี รวมถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งพบเกือบทุกพื้นที่ มีเสี่ยงภัยแล้งประมาณ 7.47 ล้านไร่ เนื่องจากมีปริมาณน้ำเก็บกักใช้การของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางรวม2,478 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 43% ของปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายปี ขณะที่ความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร ปศุสัตว์ ภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวทุกกิจกรรมรวมกันไม่ต่ำกว่า 3,370 ล้านลบ.ม./ปี ส่งผลให้ขณะนี้มีปริมาณน้ำที่ขาดแคลน 504 ล้าน ลบ.ม/ปีส่วนฤดูฝนจะประสบปัญหาน้ำท่วมเกิดจากน้ำท่วมล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังอยู่บริเวณพื้นที่ลุ่มริมน้ำชีและลำน้ำสาขาเนื่องจากมีปริมาณน้ำมากกว่าความจุลำน้ำและมีสิ่งกีดขวางการระบายน้ำหรือได้รับผลกระทบจากท้ายน้ำที่มีระดับสูงจนไม่สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้ทัน พบว่ามีปริมาณน้ำส่วนเกินที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมประมาณ 440 ล้าน ลบ.ม./ปี มีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมมากกว่า 1.31 ล้านไร่ มีครัวเรือนได้รับผลกระทบอย่างน้อย 85,700 ครัวเรือน

นอกจากนี้ ยังพบปัญหาปัญหาขาดแคลนน้ำดิบสำหรับผลิตประปา ปัญหาคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมเสื่อมโทรมจากระบบบำบัดน้ำเสียไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ น้ำเสียที่ปล่อยจากการทำการเกษตรภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งน้ำทิ้งจากมาจากด้านเหนือน้ำก่อนเข้าพื้นที่โครงการ ล้วนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและระบบนิเวศน์

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาสภาพปัญหาหลักของพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนกลาง พบว่า แผนงานโครงการที่ ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ดังกล่าวได้ ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำตามแผนงานปกติของหน่วยงานและโครงการเสนอเพิ่มเติมสอดคล้องตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) จำนวน 2,978 จำนวน 31 โครงการ งบประมาณ 47,800 ล้านบาท โดยมี 13 โครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่ต้องไปดำเนินการแก้ไขปัญหาตามแผนการพัฒนาอย่างเป็นระบบ

โดยการเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทาน พัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ/ระบบส่งน้ำให้ครบทุกลุ่มน้ำสาขาจัดหาแหล่งน้ำแบบพึ่งพาตนเอง (โคก หนอง นา โมเดล) เนื่องด้วยพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนกลางส่วนใหญ่ประสบปัญหาภัยแล้งสูงทำให้ผลผลิตการเกษตรตกต่ำจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้สมดุลมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงทางน้ำภาคการผลิต ควบคู่กับการพัฒนาด้านอื่นๆ ประกอบด้วย การปรับปรุงคุณภาพน้ำของที่มีการปนเปื้อนในแหล่งน้ำดิบ (ระบบประปาบาดาล) การตัดยอดน้ำหลากจากการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติริมแม่น้ำ การฟื้นฟูคุณภาพน้ำในลำน้ำชีพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนกลาง สนับสนุนแนวคิดการจัดทำโครงการไร่ นา ป่า ครอบครัว  ส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำในระดับแปลงนา ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการแก้ไขปัญหาตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี เพื่อการพัฒนาทรัพยากรน้ำที่ยั่งยืนในทุกมิติ

ทั้งนี้ โครงการศึกษาดังกล่าวจะมีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอีกจำนวน 2 ครั้ง โดยจะดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2566 นี้ เพื่อรวบรวมความคิดเห็นที่ได้รับจากภาคประชาชน สำหรับนำไปเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงรูปแบบการพัฒนาให้เกิดการขับเคลื่อนแผนงานแบบบูรณาการแก้ไขปัญหาด้านน้ำที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนกลางอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน

“จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ยังได้หารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อติดตามแผนการบริหารจัดการน้ำและความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยฤดูฝน 2566 ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและลุ่มน้ำชี ซึ่งพบว่าสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 พบ เขื่อนจุฬาภรณ์ มีปริมาณน้ำในเขื่อน61.5 ล้าน ลบ.ม. หรือ 37.5 % ของปริมาณความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก 163.75 ล้าน ลบ.ม. ในจำนวนนี้เหลือปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 24 ล้าน ลบ.ม. หรือ 18 % ซึ่งน้อยกว่าปี 2565 จำนวน 40 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำในเขื่อน 768 ล้าน ลบ.ม. หรือะ 39 % ของปริมาณความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก 1980 ล้านลบ.ม. ในจำนวนนี้เหลือปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 670 ล้าน ลบ.ม. หรือ 34 % ซึ่งน้อยกว่าปี 2565 จำนวน 40 ล้าน ลบ.ม.”นายสุรสีห์ กล่าว

สำหรับเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำในเขื่อน 789 ล้าน ลบ.ม. หรือ 32 % ของปริมาณความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก 2,431 ล้าน ลบ.ม. ในจำนวนนี้เหลือปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 207 ล้าน ลบ.ม. หรือ 11 % ซึ่งน้อยกว่าปี 2565 จำนวน 220 ล้าน ลบ.ม. โดยแนวทางการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝน 2566 (1 พ.ค.66 – 31 ต.ค.66) ของเขื่อนอุบลรัตน์มีแผนการระบายน้ำเพื่อสนับสนุนน้ำดิบในการผลิตประปาของการประปาส่วนภูมิภาค 5 แห่ง ประปาหมู่บ้าน 45 แห่ง สนับสนุนแหล่งอุตสาหกรรมตามลำน้ำพอง 10 แห่ง รวมทั้งรักษาระบบนิเวศ วันละประมาณ 1 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่การเพาะปลูกเหมาะสมในปีนี้ควรหลังกลางเดือนกรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป มีปริมาณน้ำภาพรวมตามแผนจัดสรรน้ำ 1,430 ล้าน ลบ.ม. ในพื้นที่ 2.43 ล้านไร่ โดยพื้นที่การเกษตรของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย, โครงการส่งน้ำฯ พรมเชิญ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าช่วงต้นลำน้ำชี จ.ชัยภูมิ – จ.ขอนแก่น, ลำน้ำพอง-ลำน้ำชี-ลำน้ำพรม-ลำน้ำเชิญใช้น้ำฝนเป็นหลักทั้งหมด ส่วนพื้นที่การเกษตรของโครงการส่งน้ำฯ ลำปาวและอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 96 แห่ง มีน้ำสำรองต้นฤดูฝนเพียงพอสำรับอุปโภค-บริโภคและเตรียมแปลงเท่านั้น ในฤดูฝนต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลักและน้ำชลประทานเสริมในช่วงต้นฤดูฝนหรือฤดูฝนทิ้งช่วง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปี 2566 เกิดภาวะเอลนีโญทำให้เกิดภัยแล้ว ดังนั้นได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต้องการใช้เพื่อบริภคอุปโภคในระยะยาว จนถึงเดือนพ.ย. 2567

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สทนช. แจงเหตุเร่ง อปท. เสนอแผนงานระบบ Thai Water Plan

สทนช. เผยการเร่งให้ อปท. เสนอแผนงานขอรับงบประมาณแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบปฏิทินงบประมาณ และเป็นส่วนในการขอเพิ่มเติมหรือขอการปรับปรุงแผนงานเดิมเท่านั้น ย้ำไม่ได้มีเจตนาให้ อปท. ไม่สามารถดำเนินการได้ทันแต่อย่างใด พร้อมยืนยันการเสนอโครงการและงบประมาณผ่านระบบ Thai Water Plan จะช่วยให้ อปท. เสนอแผนงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ไม่ได้ลดโอกาสแต่อย่างใด

สทนช.ยืนยันดำเนินงานตามภารกิจลดความซ้ำซ้อนสร้างความมั่นคงด้านน้ำ

สทนช. ย้ำดำเนินภารกิจภายใต้ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ 2561 ยืนยันไม่ได้รวบอำนาจ แต่บูรณาการหน่วยงานด้านน้ำให้มีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว ลดความซ้ำซ้อน สร้างความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมแจงระบบ Thai Water Plan (TWP) ช่วยขับเคลื่อนภารกิจการแก้ไขปัญหาด้านน้ำของประเทศในมิติต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน