ครม.รับทราบ”รัฐ-เอกชน”แก้สัญญาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เพิ่มเงินลงทุนเป็น 4 หมื่นล้าน พ่วงสิทธิประโยชน์ ผ่อนผันเกณฑ์ใหม่หลังเจอวิกฤติเศรษฐกิจ-โควิด อ่วม
7 มิ.ย. 2566 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้ รับทราบรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (กพอ.) โดยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 30 ตุลาคม 2561 มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันอก (สกพอ.) ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น ในรูปแบบ PPP Net Cost และในช่วงปี 2564-2565 เอกชนคู่สัญญา ขอใช้สิทธิผ่อนผันตามข้อ 13 ของสัญญาร่วมลงทุน
ทั้งนี้จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ รวมถึงกรณีเกิดโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกัน เพื่อพิจารณาเหตุผ่อนผันรวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาและสามารถหาข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้ 1. การร่วมกันผลักดันการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก เห็นควรผลักดันให้มีการลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก โดยเห็นควรให้เอกชนเพิ่มการลงทุนในการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก จากเดิมประมาณ 4,500 ล้านบาทเป็น ประมาณ 40,000 ล้านบาท และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ กรรมสิทธิ์ในงานพัฒนาเมืองการบินฯ ทั้งหมดจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ
นอกจากนี้ยังปรับหลักเกณฑ์การพัฒนางานหลักของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารของแต่ละระยะสอดคล้อง กับประมาณการผู้โดยสารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในระยะแรกจะพัฒนาให้งานหลักฯ มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร ไม่น้อยกว่า 12 ล้านคน/ปี และจะลงทุนในระยะถัดไป (ระยะที่ 2 – 6) เมื่อมีปริมาณผู้โดยสารถึง 80% ของขีดความสามารถ ในการรองรับของระยะปัจจุบัน โดยโครงการฯ ยังกำหนดเป้าหมายให้สนามบินอู่ตะเภารองรับ ผู้โดยสารในปีสุดท้ายได้ 60 ล้านคน/ปีเท่าเดิม
สำหรับการเลื่อนวันเริ่มนับระยะเวลาให้บริการและบำรุงรักษาโครงการฯ หากมีการก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จ แต่ปริมาณผู้โดยสารมีไม่ถึง 5.6 ล้านคน/ปี ให้เลื่อนการเริ่มนับระยะเวลาปีที่ 1 ในปีที่มีปริมาณ ผู้โดยสารต่อปี จำนวน 5.6 ล้านคน โดยช่วงเวลาที่ยังไม่มีการเริ่มนับปีที่ 1 นั้น ให้เอกชนคู่สัญญา ชำระค่าตอบแทนรัฐ ดังนี้ 1.ชำระค่าเช่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างแก่รัฐจำนวน 100 ล้านบาท/ปี จากเดิม 820 ล้านบาท/ปีในช่วง 3 ปีแรกของการให้บริการและการบำรุงรักษาโครงการฯ และเพิ่มขึ้น ทุก ๆ 3 ปี จนสิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ
นอกจากนี้ในส่วนของการชำระรายได้ของรัฐ 100 ล้านบาท/ปี จากเดิม 1,300 ล้านบาท ในปีที่1 และเพิ่มขึ้นในปีถัดไปทุกปีจนสิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ และ ชำระรายได้ของรัฐแก่ สกพอ. เป็นจำนวนเท่ากับกระแสเงินสดคงเหลือ จากการดำเนินโครงการฯ ภายหลังการชำระดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นที่จำเป็นต้องชำระตามสัญญาเงินกู้แล้ว ทั้งนี้ ไม่เกิน 5%ของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงในปีนั้น ๆ ของเอกชนคู่สัญญา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กมธ.คมนาคมบุกพังงา เร่งสร้างสนามบินอันดามัน 2 รันเวย์
นายอนุชา บูรพชัยศรี สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร โพสต์
รัฐบาลอนุญาตเปิดสถานบริการ 24 ชั่วโมง ในพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออก
“ไตรศุลี” แจงกรณีมหาดไทยออกกฎกระทรวงอนุญาตสถานบริการเปิดในพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออกได้ 24 ชั่วโมง ครอบคลุมเฉพาะในสนามบินอู่ตะเภาที่บอร์ดอีอีซีประกาศเป็นพื้นที่เขตส่งเสริมเท่านั้น
‘อนุชา’ กราบลา ‘บิ๊กตู่’ ไปทำหน้าที่ ส.ส. ‘นายกฯ’ อวยพรทำเต็มที่เพื่อชาติ
‘อนุชา’ กราบลา ‘บิ๊กตู่’ ไปทำหน้าที่ ส.ส.เตรียมโหวตนายกฯ 13 ก.ค. เผย ‘ประยุทธ์’ อวยพรให้ทำงานเต็มความสามารถเพื่อประโยชน์ชาติ
นายกฯ ยินดีเลือกประธาน-รองปธ.สภาฯ เรียบร้อยตามกระบวนการประชาธิปไตย
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความยินดีที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26
ปลื้ม 'ปลานึ่งต้มยำแบบไทย' ถูกเลือกเป็นเมนูอาหารที่ใช้เสิร์ฟในกีฬาเอเชียนเกมส์
นายกฯ ปลื้ม “ปลานึ่งต้มยำแบบไทย” ได้รับเลือกเป็น 1 ในเมนูอาหารที่ใช้เสิร์ฟในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19
รัฐบาลเตือนโรงงานจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้ตามกฎหมายใหม่
โฆษกรัฐบาลย้ำประกาศเรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ จะมีผลใช้บังคับ 1 พ.ย. 66 เป็นต้นไป