เอกชนชี้เปลี่ยนขั่วการเมืองไม่กระทบอุตฯ MICE (ไมซ์)

เอกชนชี้เปลี่ยนขั่วการเมืองไม่กระทบอุตฯจัดนิทรรศการ แต่วอนรัฐหนุนขั้นตอนถือวีซ่าของนักลงทุน หวังงานราบรื่น พร้อมเผยทุนจีนฟื้น ปักหมุดขายสินค้าในไทย สะท้อนยอดจองจัดงานแมนูแฟกเจอริ่ง ปีนี้บูม คาดเกิดเงินสะพัด 6 พันล้านบาท

6 มิ.ย. 2566 – นางวราภรณ์ ธรรมจรีย์ กรรมการผู้จัดการ อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ (RX Tradex) เปิดเผยถึงกรณีที่ประเทศไทยจะมีการจัดตังรัฐบาลใหม่ขึ้นมานั้น มองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อการเดินหน้าอุตสาหกรรมจัดแสดงและนิทรรศการ หรือ MICE (ไมซ์) เนื่องจากภาคเอกชนยังมีความเชื่อมั่นและขยายการลงทุนในรูปแบบการจับจองพื้นที่แสดงสินค้าอยู่ โดยเฉพาะในธุรกิจเครื่องจักรกล และชิ้นส่วนอุปกรณ์ ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ แต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ายังเห็นปัญหาของการสนับสนุนจากภาครัฐอยู่บ้าง เนื่องจากส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมไมซ์ กลุ่มที่เป็นผู้จัดงานขนาดใหญ่อย่างเช่นงานจัดงานแสดงสินค้าเพื่อกลุ่มเป้าหมายแต่ละอุตสาหกรรมและธุรกิจ ระหว่างคนทำธุรกิจด้วยกัน(B2B) ยังไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน

“การสนับสนุนของภาครัฐยังไปกระจุกตัวอยู่กับงานขนาดเล็ก อย่างเช่นสินค้าเพื่อการเกษตต หรือกลุ่มสินค้าชาวบ้าน OTOP หรือเรีนกได้ว่าเป็นกลุ่ม M I และ C ในอุตสาหกรรมไมซ์ แต่ในกลุ่ม E อย่างเช่นคนที่จัดงานใหญ่ ๆ อย่างเรามักจะยังไม่เข้าภึงการสนับสนุนเท่าไหร่ แต่หากเป็นไปได้ในอนาคต ต้องกางให้รัฐบาลมาสนับสนุนโดยเฉพาะกับนักลงทุน ที่ต้องเดินทางมาจากต่างประเทศให้มีความสะดวกสบายในการขอวีซ่า หรือช่องทางการเข้าประเทศ สำหรับผู้ที่ถือวีซ่าเพื่อเข้าร่วมงานนิทรรศการนั้น ๆ ให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น”นางวราภรณ์ กล่าว

ทั้งนี้แนวโน้มการลงทุนใน ธุรกิจเครื่องจักรกลและชิ้นส่วนอุปกรณ์ในประเทศไทยนั้นมีเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากภาพการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ ในปี 2565 ที่เติบโตกว่า 9.5% และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ยังได้รับอานิสงส์และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาคเอกชนของจีนเริ่มฟื้นตัวกลับมาและเตรียมขยายกำลังการลงทุนมากขึ้น โดยยังมองประเทศไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่สามารถเติบโตได้เห็นได้จาก ยอดจองพื้นที่แสดงสินค้าในงาน แมนูแฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โป (Manufacturing Expo) 2023 ที่หลายกลุ่มนักลงทุนจีนมียอดจองพื้นที่ที่มากกว่าปกติ และงานดังกล่าวจะสนับสนุนให้เกิดเงินสะพัดจากการลงทุนภายในงานมากกว่าเดิม

นางวราภรณ์ กล่าวว่า งานแมนูแฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โปในปีนี้ กำหนดจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 มิ.ย. 2566 นี้ โดยจัดเต็มพื้นที่ของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 98-104 ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงานแล้วจากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ทั้งจากทวีปอเมริกา ยุโรป แอฟริกา และเอเชีย โดยในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 70,000 คน และคาดว่าจะมีมูลค่าการเจรจาธุรกิจภายในงานไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท โดยภายในงานจะประกอบไปด้วย 5 งานแสดงเฉพาะทางสำหรับหลากสาขาอุตสาหกรรม ได้แก่

1.อินเตอร์พลาสไทยแลนด์ งานแสดงเครื่องจักร เทคโนโลยี เคมีภัณฑ์ วัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติก 2.อินเตอร์โมลด์ไทยแลนด์ งานแสดงเทคโนโลยีการผลิตแม่พิมพ์และชิ้นส่วนแม่พิมพ์ 3. ออโตโมทีฟ แมนูแฟกเจอริ่ง งานแสดงเทคโนโลยีเพื่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ครบวงจร เช่น เครื่องแปรรูปโลหะแผ่น เครื่องตัดด้วยเลเซอร์ 4.แอสเซมบลี แอนด์ ออโตเมชั่น เทคโนโลยี งานแสดงระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์เพื่อภาคการผลิตและภาคบริการ และเทคโนโลยีการประกอบ และ 5. เซอร์เฟส แอนด์ โค้ทติ้งส์ งานแสดงเทคโนโลยีการเตรียมพื้นผิว ชุบเคลือบ และทำสีชิ้นส่วน