‘สภาพัฒน์‘ แนะรัฐบาลใหม่เร่งแก้ส่งออก-ปากท้อง โชว์จีดีพีไตรมาสแรกโต 2.7%

‘สภาพัฒน์’ เผยจีดีพีไตรมาส1/66 ขยายตัว 2.7% คาดทั้งปีเศรษฐกิจโต 2.7% – 3.7% หลังเศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ดีขึ้น แนะรัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหาการส่งออกและปากท้องประชาชน

15 พ.ค.2566-นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เปิดเผยถึง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของไทยในไตรมาส1/2566 ขยายตัว 2.7% เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 1.4% โดยปัจจัยหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 5.4% การลงทุนรวมขยายตัว 3.1% เป็นการลงทุนภาครัฐ 4.7% และการลงทุนภาคเอกชน 2.6%  ภาคเกษตรขยายตัว 7.2% ภาคบริการขยายตัว 5.2%

อย่างไรก็ตาม ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์ขยายตัว-4.6% สำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2566 ยังคงประมาณการอยู่ที่จีพีดีขยายตัว 2.7-3.7% มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประมาณการว่านักท่องเที่ยวทั้งปี 2566 อยู่ที่ 28 ล้านคน มีรายได้ 1.27 ล้านล้านบาท

สำหรับปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจในปีนี้คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของระบบเศรษฐกิจการเงินโลก,ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ย, ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตร และเงื่อนไขและบรรยากาศทางการเมืองหลังเลือกตั้ง เนื่องจากมีแนวโน้มความล่าช้าของกระบวนการงบประมาณประจำปี 2567

นายดนุชา กล่าวถึงกรณีรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศด้วยว่า ขึ้นกับนโยบายของพรรคการเมืองที่จะเป็นรัฐบาล ปัญหาหลักที่ต้องเร่งแก้ไขมี2 เรื่องคือ 1. ต้องเร่งการส่งออกสินค้า และ2.ปัญหาปากท้องของประชาชน ราคาพลังงาน ไฟฟ้า ก๊าซ ดูแลราคาพลังงานจะมีมาตรการอย่างไร  อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจภายในประเทศไม่มีปัญหายังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งการบริโภค และการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันจำเป็นที่ต้องสื่อสารกับรัฐบาลใหม่ว่าตอนนี้การรักษาวินัยการเงินการคลังที่เคร่งครัดเพราะเราขาดดุลงบประมาณมานาน หากยังขาดดุลต่อเนื่องในระยะเวลายาวนานจะกระทบกับเรตติ้งของประเทศได้

นายดนุชา กล่าวต่อว่า หลังจากการเลือกตั้งนั้นต้องให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมาย รวมทั้งเร่งการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งรักษาบรรยากาศหลังการเลือกตั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นต่อเนื่องในการเดินหน้าเศรษฐกิจไทยต่อไป สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ พร้อมทั้งเร่งรัดการขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าของไทยไปยังตลาดสินค้าที่ขยายตัวได้ดีและการค้าชายแดน การดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิมล'ยันไม่ลืมเพิ่มเบี้ยเลี้ยง-อัดฉีด จ่อชงรัฐบาลใหม่เห็นชอบ ย้ำอัตราเดิมใช้กว่า15ปีแล้ว

"บิ๊กพิมล" ยังไม่ทิ้งเรื่องขอเพิ่มเบี้ยเลี้ยงฝึกซ้อม และ เงินรางวัลอัดฉีดทัพซีเกมส์ จ่อชงรัฐบาลใหม่ให้เห็นชอบ ย้ำอัตราเดิมมีมานานกว่า 15 ปีขณะที่ค่าครองชีพปัจจุบันเพิ่มขึ้น ยันนักกีฬาไทยต้องมีเกียรติมีศักดิ์ศรีและต้องได้รับการดูแลที่ดี สุดประทับใจผลงานซีเกมส์ ครั้งที่ 33 นักกีฬา 40 กีฬาผลงานดีขึ้น 

สทนช. เตือนระดับน้ำลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาสูงทุบสถิติ วันนี้ระดับน้ำในหาดใหญ่ยังเพิ่มขึ้นอีก

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ในฐานะคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศชภ.)

สทนช. ยันชาวกทม. วางใจได้ น้ำไม่ท่วมใหญ่เหมือนปี 54 แม้จะมีพายุอีก 5 ลูก

เลขาฯ สทนช. ยัน ชาว กทม.วางใจได้สถานการณ์ปีนี้ไม่รุนแรงเท่าปี 54 แต่ต้องระวังพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ชี้น้ำทะเลหนุนส่งผลระบายน้ำช้า ต้องแก้ทั้งระบบ พร้อมเผยศุกร์นี้ “ภราดร” ตรวจเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อลดการระบายน้ำแล้วสถานการณ์จะดีขึ้น

ทิสโก้ปรับเป้าหุ้นไทยปี 68 เป็น 1,334 จุด รับรัฐบาลใหม่

ทิสโก้ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2568 เป็น 1,334 จุด รับรัฐบาลใหม่ฟอร์มดี กนง. มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องหนุนตลาดหุ้นไทยตอบสนองทางบวก และกำไรบริษัทจดทะเบียนมีสัญญาณเพิ่มขึ้น