‘เอสซีจี’ เล็งปรับเป้ารายได้หลังศก.โลกยังไม่ฟื้น ห่วงไทยเจอปัจจัยเสี่ยงราคาพลังงาน - ภัยแล้ง - ฝุ่น

เอสซีจี เผยเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น โชว์ผลกำไร 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ยังห่วงเศรษฐกิจโลก -อาเซียน กระทบเป้าหมายรายได้เติบโต 10% เล็งทบทวนใหม่ ชี้ไทยเจอปัจจัยเสี่ยง 3 ด้าน ราคาพลังงาน – ภัยแล้ง – และฝุ่น

27 เมษายน 2566 – นายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี  เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน  โดยมีสัญญาณเชิงบวกจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศ ที่ได้รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยว ทำให้การก่อสร้างมีการฟื้นตัว ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมถึงเมืองท่องเที่ยวสำคัญ  ส่งผลให้มีความต้องการใช้ปูน วัสดุตกแต่ง และบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันจีนเปิดประเทศ ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์สูงขึ้นเช่นเดียวกัน  

สำหรับผลประกอบการเอสซีจี ไตรมาส 1 ปี 2566 มีรายได้ 128,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน กำไร 16,526 ล้านบาท ซึ่งรวมกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน SCG Logistics จากการรวมธุรกิจ SCGJWD Logistics ของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำนวน 11,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,369 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้กำไรที่ไม่รวมรายการพิเศษอยู่ที่ 4,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,446 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน ส่วนสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 มีมูลค่า 923,725 ล้านบาท ซึ่งร้อยละ 44% เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน (ไม่รวมไทย)

อย่างไรก็ตาม ตลาดอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของเอสซีจี ยังค่อนข้างมีปัญหา เนื่องจากประเทศในภูมิภาคนี้ ส่วนหนึ่งเจอภาวะเงินเฟ้อและภาวะดอกเบี้ยสูง ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้มีความเสี่ยงสูง และกระทบต่อการใช้วัสดุก่อสร้าง ส่วนเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรป มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย   เช่นเดียวกัน

ส่วนภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทย แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวที่ดีแต่มีปัจจัยเสี่ยงพอสมควรถึง 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1. ราคาพลังงานผันผวนค่อนข้าง ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม และถ่านหิน ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูง โดยในมุมมองของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมค่อนข้างเป็นกังวล เป็นความเสี่ยง เพราะภาคอุตสาหกรรมใช้พลังงานสูง ถ้าต้นทุนพลังงานสูง ก็จะส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน ในระยะยาวได้

ความเสี่ยงด้านที่ 2 คือ ภัยแล้ง  ซึ่งอย่างที่ทราบไทยกำลังเจอกับภาวะ เอลนีโญ ที่จะทำให้ฝนทิ้งช่วง และอาจจะทำให้เกิดภัยแล้งข้ามปี  ซึ่งภาคอุตสาหกรรมใช้น้ำเยอะ อาจจะได้รับผลกระทบ รวมถึงภาคเกษตรก็จะได้รับผลกระทบ ซึ่งจะกระทบกำลังซื้อจากประชาชนฐานราก และความเสี่ยงด้านที่ 3 คือ ฝุ่นพิษ ที่มีปัญหาและอาจจะกระทบต่อการท่องเที่ยว หากไม่มีการแก้ไข

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า จากปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น ทำให้มองว่า เป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ 10% อาจจะทำได้ยาก เพราะธุรกิจของเอสซีจี นั้นส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ และภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศยังไม่ค่อยดีนัก 

“ขณะนี้เศรษฐกิจโลกบวกกับเศรษฐกิจอาเซียนมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย เพราะฉะนั้นเป้ารายได้เดิมที่ตั้งไว้จะโต 10% ไม่ง่าย ยอมรับว่าเหนื่อย โดยการปรับเป้าหมายรายได้คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังจบครึ่งปีแรก”นายรุ่งโรจน์ กล่าว

 สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2 คาดว่าจะใกล้เคียงไตรมาสแรก (ไม่นับรวมรายการพิเศษ) มีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานมากขึ้น ขณะที่ต้นทุนพลังงานบางอย่างลดลง เช่น ถ่านหิน และปรับปรุงเครื่องจักรจะเห็นผลในไตรมาส 2 นี้ 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตลาด mai เปิดกำไร บจ. ไตรมาส 1 รวมทะลุ 4.6 พันล้านบาท

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.7% และ 6.4% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ บจ. มีความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ดีขึ้น

เซ็นทรัล รีเทล โชว์รายได้ Q1 โกยรายได้ 6.7 หมื่นล้าน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล เปิดปีโตต่อเนื่อง ด้วยผลประกอบการในไตรมาสแรก

OR เผยผลประกอบการไตรมาสแรก 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนในทุกกลุ่มธุรกิจ เสริมแกร่งศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มุ่งสู่การเป็น Data-Driven Organization ควบคู่กับการสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน

OR เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มี EBITDA จำนวน 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ และมีกำไรสุทธิ 3,723 ล้านบาท