กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดผลมอนิเตอร์ข่าวปลอมรอบสัปดาห์นี้ พบข่าวปลอมเกือบ 100% เกิดจากโลกออนไลน์ โดยมีข่าวต้องคัดกรอง 3,243,222 ข้อความ พบประชาชนให้ความสนใจข่าวปลอมกลุ่มสุขภาพมากที่สุด โดยเฉพาะข่าวปลอม ไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดสมองแตก รองลงมาข่าว โควิดสายพันธุ์ XBB และ XBB.1.16 ตรวจพบยาก เป็นพิษมากกว่าเดลต้า 5 เท่า มีอัตราการตายที่สูงกว่า และดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ข้อมูลเท็จ ไม่เป็นความจริง อย่าแชร์!
23 เม.ย. 2566 – นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และโฆษกกระทรวงฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 14- 20 เมษายน 2566 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,243,222ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 211 ข้อความ โดยช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 193 ข้อความ ตามมาด้วย การแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 18 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 135 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 74 เรื่อง ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสุขภาพ
สำหรับจำนวนเรื่องที่ดำเนินการตรวจสอบในสัปดาห์นี้ แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ข่าวปลอมเรื่องนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคมขัดศีลธรรม
อันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 46 เรื่อง
กลุ่มที่ 2 ข่าวปลอมเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการ
ที่ผิดกฎหมาย จำนวน 70 เรื่อง
กลุ่มที่ 3 ข่าวปลอมเรื่องภัยพิบัติ จำนวน 9 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 ข่าวปลอมเศรษฐกิจ จำนวน 10 เรื่อง
ทั้งนี้ เมื่อโฟกัสประเด็นข่าวที่เกี่ยวกับโควิด-19 พบจำนวน 17 เรื่อง
ดร.เวทางค์ กล่าวว่า ในส่วนของข่าวปลอมที่มีคนสนใจสูงสุดหลัก ๆ อยู่ในหมวดข่าวกลุ่มสุขภาพ พบข่าวโควิด-19 กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง โควิดสายพันธุ์ XBB ตรวจพบยาก เป็นพิษมากกว่าเดลตา 5 เท่า และมีอัตราการตายที่สูงกว่า และข่าวปลอมโควิดโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 สมรรถนะการแพร่สูง และดื้อต่อภูมิคุ้มกันที่สุด ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ข่าวที่ได้รับความสนใจและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) มากสุด 10 อันดับ ได้แก่
อันดับที่ 1 : ไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำ เพราะทำให้เส้นเลือดแตกได้
อันดับที่ 2 : โควิดสายพันธุ์ XBB ตรวจพบยาก เป็นพิษมากกว่าเดลต้า 5 เท่า และมีอัตราการตายที่สูงกว่า
อันดับที่ 3 : ใช้พริกขี้หนูตำคลุกกับใบยาสูบ พอกตรงบริเวณที่ถูกงูกัด ช่วยแก้พิษงูได้
อันดับที่ 4 : แก้ผมหงอกได้ด้วยว่านหางจระเข้ ใบบัวบก ใบฝรั่ง และบอระเพ็ด
อันดับที่ 5 : เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ คนละ 100 บาท ให้ทุกคนไปรายงานตัวที่เขต
อันดับที่ 6 : โควิดโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 สมรรถนะการแพร่สูง และดื้อต่อภูมิคุ้มกันที่สุด
อันดับที่ 7 : โครงการรักษาหัวใจ 7/24 เฉลิมพระเกียรติ ใช้สิทธิประกันสังคม ข้าราชการ
และบัตรทอง รักษาไม่ต้องใช้ใบส่งตัว
อันดับที่ 8 : กระทรวงสาธารณสุขห้ามจำหน่ายขนมที่มีส่วนผสมไขมันทรานส์
อันดับที่ 9 : ผู้สูงอายุ 3 กลุ่ม รับเบี้ยพิเศษรายปี คนละ 1,000 บาท
อันดับที่10 : มะระขี้นกตากแห้งแล้วนำมาคั่ว ต้มรับประทานมีสรรพคุณรักษาโรคไต และล้างไต
“ปัจจุบันข่าวปลอมยังคงมีจำนวนมาก ดีอีเอส และศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ให้ความสำคัญในการตรวจสอบข่าวปลอม ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้รับข่าวสาร ข้อมูล ควรตรวจสอบให้รู้เท่าทัน รอบด้าน เลือกเชื่อ เลือกแชร์ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น สามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ที่ ไลน์ @antifakenewscenter เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand หรือ โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87” ดร.เวทางค์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แต๊งค์ พงศกร' หุ่นพัง-งานหาย! ตัดสินใจแปลงร่างเพื่อครอบครัว
แต๊งค์-พงศกร มหาเปารยะ รับเคยปาร์ตี้หนักจนลงพุง หนักถึง 80 กิโลกรัม แม้แต่เพื่อนในวงการยังจำหน้าไม่ได้ ทำให้งานจ้างหาย สุขภาพย่ำแย่ สู่การตัดสินใจแปลงร่างพลิกชีวิต มุ่งมั่นลดน้ำหนักได้ถึงเดือนละ 10 กิโล จนทวงคืนร่างทองภายใน 4 เดือนได้สำเร็จ โดยเจ้าตัวเปิดใจผ่านรายการ "คนแปลงร่าง"
ดีอี เตือนภัย ‘โจรออนไลน์’ สร้างเพจปลอมลงทะเบียนสินเชื่อล้างหนี้นอกระบบ
ดีอี เตือนภัย “โจรออนไลน์” สร้างเพจปลอม “ลงทะเบียนสินเชื่อล้างหนี้นอกระบบ ให้กู้ 50,000 บาท คืน 1,083 บาทต่อเดือน ผ่าน TikTok nongbdwo314” หวั่น ปชช.สูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล
‘NCDs’ ไม่ใช่ปัญหาระดับบุคคล แต่เกี่ยวโยง ‘สภาพแวดล้อมทุกมิติ’ ปรับ Ecosystem สร้างสุขภาพดีคือทางออก
การขับเคลื่อนเพื่อลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ของประเทศไทยก่อนหน้านี้ โดยมีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นแม่งานหลัก ดูเหมือนว่
'หมอยง' ชี้สถานการณ์โควิดเปลี่ยนตามกาลเวลา ปีนี้ยุติแล้ว แต่ไวรัสยังอยู่ต่อไป
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 5 ปี โควิด 19 กาลเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน