18 เม.ย. 2566 – นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนค. อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการศึกษาการแยกห่วงโซ่อุปทาน (Decoupling) ของอุตสาหกรรมสำคัญระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และนัยยะต่อเศรษฐกิจการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อประเมินแนวโน้มการแยกห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำคัญที่มีนัยทางเศรษฐกิจและความมั่นคงที่กำลังเกิดขึ้น ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและไทยทั้งด้านการผลิต การค้า การลงทุน และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างไร
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ในขณะที่จีนเป็นคู่ค้าและแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของไทย อีกทั้งเศรษฐกิจไทยมีการเชื่อมโยงกับตลาดและฐานการผลิตทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งการส่งออกเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาอย่างต่อเนื่อง (การส่งออกมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ของ GDP ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่จำเป็นต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบ เป็นกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญของไทย (คิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 40 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย)
ในปี 2564 สหรัฐฯ เริ่มมีการทบทวนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง แบตเตอรี่ความจุพลังงานสูง รวมถึงแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แร่สำคัญ ยา และสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม และในปี 2565 ได้ผ่านกฎหมาย The CHIPS and Science Act เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม
เซมิคอนดักเตอร์ และกฎหมาย Inflation Reduction Act ที่ส่วนหนึ่งภายใต้กฎหมายนี้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่จีนได้วางยุทธศาสตร์ส่งเสริมภาคการผลิตเป็นพิเศษ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานของตนเอง อาทิ Made in China 2025 แผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่ 2030 (AI 2030) และกำหนด 7 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2564 – 2568) ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์
นโยบายและมาตรการเหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการแยกตัวของห่วงโซ่อุปทานระหว่างสหรัฐฯ – จีน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงการที่สหรัฐฯ ร่วมกับประเทศพันธมิตรในการกีดกันเทคโนโลยีสำคัญจากจีน โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่จีนก็เริ่มโต้ตอบกลับโดยการสั่งทบทวนการนำเข้าชิปจาก Micron Technology (ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ) ในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การแข่งขันและการแบ่งขั้วทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น อาจเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายต่อเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาหรือกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ซึ่งหลายประเทศกำลังเร่งออกนโยบายดึงดูดการลงทุน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย โดยมีการร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรในการส่งเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีสำคัญ รวมถึงการกีดกันประเทศอื่น แนวโน้มการแยกห่วงโซ่อุปทานดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ไทยต้องเร่งศึกษาและปรับตัวเพื่อช่วงชิงประโยชน์และลดผลกระทบจากแนวโน้มการปรับเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้น
นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันโครงการศึกษานี้ อยู่ระหว่างการพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็น ทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ นักวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่หลายรายพยายามย้ายฐานการผลิตออกจากจีน รวมถึงต่างชาติมีการโยกย้ายคำสั่งซื้อจากฐานการผลิตในจีนไปยังประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอาเซียน ตลอดจนการที่บริษัทข้ามชาติพยายามที่จะใช้ฐานการผลิตในอาเซียนทดแทนจีนในการผลิตเพื่อส่งออกไปสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ประโยชน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิชัย' ปลื้ม Live Commerce โกยเงิน 1,510 ล้านบาทเข้าประเทศ
“พิชัย” ปลื้ม “5 วัน โกยเงินกว่า 1,510 ล้านบาท” เข้าประเทศ ผ่านงาน International Live Commerce Expo 2024 พร้อมขยายโครงการ Live Commerce อย่างต่อเนื่องหนุนสินค้าไทยตีตลาดโลก
'พิชัย' ประเดิมภารกิจเร่งด่วน แก้ราคาสินค้าแพง พร้อมเข้มสินค้าจีนทะลัก
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรรีว่าการกรทะรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังจากเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ เมื่อวานนี้ ว่าในการทำงานของกระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดการทำงานในหลายเรื่องที่เป็นปัญหากระทบ
'วรงค์' เดือดง้างปาก 'ภูมิธรรม' ตอบมาข้าว 10 ปีเอาไปทำอะไร
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงนายภูมิธรรม เวชชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า
พาณิชย์ ยิ้มผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ขายงานให้ต่างชาติโกย 1,195 ล้านบาท
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยความสำเร็จหลังจัดงาน Bangkok International Digital Content Festival 2024 (BIDC 2024) ครั้งที่ 11 เผยยอดเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทย โกยรายได้เข้าประเทศกว่า 1,195 ล้านบาท
นายกฯ ปลื้มทะลุ 18 ล้านคน แห่ลงทะเบียนรับเงินหมื่น แย้มรอฟังข่าวดีจาก พณ.
นายกฯ พอใจประชาชนตื่นตัวลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตวันแรก เตรียมหารือป้องกันแอปปลอมระบาด- ข้อมูลรั่วไหล-แลกเงินสด แย้มรอฟังข่าวดีจากกระทรวงพาณิชย์