18 เม.ย. 2566 – ในขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงแอบอ้างชื่อ “เซ็นทรัล” (CENTRAL) และเครื่องหมายการค้าของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จัดทำเว็บไซต์ปลอมและเฟซบุ๊กเพจปลอมของห้างเซ็นทรัล เพื่อหลอกเสนอขายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ทางโซเชี่ยลมีเดีย โดยเฉพาะเครื่องสำอางแบรนด์ดังหรือสินค้าแบรนด์เนมในราคาสุดพิเศษเกินจริง ล่อใจให้นักช้อปตกเป็นเหยื่อ หลอกลวงรับสมัครงานร่วมลงทุนทางธุรกิจให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งทางห้างเซ็นทรัลไม่มีนโยบายการขายสินค้า, การสมัครงาน, การลงทุน และให้ค่าตอบแทนหรือผลตอบแทนลักษณะดังกล่าวแต่ประการใด ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรืออนุญาต หรือรู้เห็นยินยอมด้วยแต่อย่างใดตามที่ถูกแอบอ้าง
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จึงได้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการปกป้องแจ้งเตือนภัยลูกค้าจากการเป็นเหยื่อกลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพ ทางห้างเซ็นทรัลได้จัดตั้งทีมงานเฝ้าระวังเพื่อคอยตรวจตรา แจ้งรายงานเพจปลอม เว็บไซต์ปลอม SMSหลอกลวง และข่าวปลอมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีที่พบ รวมถึงมีการทำงานร่วมกับ META ในการแจ้งรายงานเพจปลอมผ่านระบบ Brand Rights Protection
จนถึงวันนี้ มีการแจ้งดำเนินคดีความและทำการปิดเพจปลอมไปแล้วกว่า 130 เคส พร้อมกันนี้ยังหมั่นให้ข้อมูลกับลูกค้าเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่ออยู่อย่างสม่ำเสมอ ทั้งแนะนำวิธีการสังเกตเพจแท้หรือปลอม ไปจนถึงวิธีการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ Report เพจปลอมอย่างต่อเนื่อง
แนะนำลูกค้าติดตามข่าวสารกิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษของห้าง www.facebook.com/CentralDepartmentStore เท่านั้น สังเกตได้จากเครื่องหมายถูกสีฟ้า หรือ Verified Badge ด้านหลังชื่อบัญชีเพื่อยืนยันการเป็นเพจทางการ และมียอดผู้ติดตาม (Followers) มากกว่า 1 ล้านขึ้นไป หากลูกค้าพบเห็นเพจเฟซบุ๊กปลอมหรือเว็บไซต์ปลอมของห้างเซ็นทรัลสามารถร่วมแจ้งรายงานหรือ Report ได้ทันที
วิธีสังเกตเว็บไซต์ปลอมผ่าน URL หรือชื่อเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์จริงจะต้องเป็น www.central.co.th เท่านั้น และจะสามารถกดดูสินค้าอื่นๆ พร้อมกับเลือกบริการอันหลากหลายของห้างได้
ต้องดาวน์โหลด Central App จาก App Store หรือ Play Store เท่านั้น หรือช้อปผ่านลิ้งค์ทางการเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นแอปฯ ช้อปปิ้งออนไลน์ทางการของห้างเซ็นทรัล
แนะนำลูกค้าอย่าหลงเชื่อ กดลิ้งค์ เผยแพร่ ส่งต่อ หรือให้ข้อมูลใดๆ อย่างเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงในการถูกมิจฉาชีพเชื่อมต่อไปยังข้อมูลส่วนบุคคลได้และอาจถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพ โดยทางห้างเซ็นทรัลให้ความสำคัญกับการรักษาข้อมูลลูกค้าขั้นสูงสุด และไม่มีนโยบายในการเปิดเผยข้อมูลลูกค้าให้แก่บุคคลหรือองค์กรภายนอกตามกฎหมาย
ช่องทางโซเชี่ยลมีเดียทางการของห้างเซ็นทรัล
1- ทางเฟซบุ๊ก (Facebook): สังเกตได้จากเครื่องหมายถูกสีฟ้า หรือ Verified Badge ด้านหลังชื่อบัญชีเพื่อยืนยันการเป็นเพจทางการ และต้องมียอดผู้ติดตาม (Followers) มากกว่า 1 ล้านคนขึ้นไป
ปัจจุบันห้างเซ็นทรัลมีเพจทางการ ดังนี้
Central Department Store มียอดผู้ติดตามมากกว่า 2.6 ล้านคน
Central Online Shopping มียอดผู้ติดตามมากกว่า 1.2 ล้านคน
Central Beauty Club มียอดผู้ติดตามมากกว่า 6.9 แสนคน
ทั้งนี้ สำหรับห้างเซ็นทรัลสาขาต่างจังหวัดที่มีเพจเฟซบุ๊กของสาขาเอง และไม่มีเครื่องหมายถูกสีฟ้า (Verified Badge) กำกับ ลูกค้าสามารถสังเกตว่าเป็นเพจจริงหรือเพจปลอมได้ จากจำนวนผู้ติดตาม (Followers) ซึ่งจะต้องมีจำนวนมากกว่า 10,000 คนขึ้นไป ซึ่งหากมีจำนวนน้อยกว่า 10,000 คนจะเป็นเพจปลอม
2- ทางอินสตาแกรม (Instagram): สังเกตได้จากเครื่องหมายถูกสีฟ้า หรือ Verified Badge ด้านหลังชื่อบัญชีเพื่อยืนยันการเป็นบัญชีทางการ
ปัจจุบันห้างเซ็นทรัลมีแอคเคาท์อินสตาแกรมทางการ ดังนี้
@Centraldepartmentstore มียอดผู้ติดตามมากกว่า 203,000 คน
@central_beautyclub มียอดผู้ติดตามมากกว่า 14,000 คน
3- ทางไลน์ (LINE): สังเกตได้จากเครื่องหมายโล่สีเขียว และโล่สีเทา ที่อยู่หน้าชื่อแอคเคาท์ เพื่อแสดงว่าเป็นบัญชีทางการ หรือบัญชีที่ได้รับการรับรอง ทั้งนี้โปรดระวัดระวังในการกดลิ้งค์จาก SMS เพื่อเชื่อมต่อไปยัง LINE เพราะอาจเป็นกลโกลของมิจฉาชีพ ต้องเข้าสู่บัญชีไลน์ทางการของห้างเซ็นทรัลผ่านทางแอพพลิเคชั่น LINE เท่านั้น
ปัจจุบันห้างเซ็นทรัลมีแอคเคาท์ไลน์ทางการ ดังนี้:
@CentralOfficial มีเพื่อนมากกว่า 7 ล้านคน
@CentralBeautyClub มีเพื่อนมากกว่า 133,132 คน
4- ทางเว็บไซต์: ลิ้งค์เว็บไซต์แท้ที่เป็นทางการคือ www.central.co.th เว็บไซต์ปลอมจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นชื่ออื่น เช่น Cenntralonline-th.com และ Central-th.co และอาจจะไม่สามารถกดเลือกดูสินค้าอื่นๆได้
5- ทางแอปพลิเคชั่น: Central App เป็นช่องทางช้อปปิ้งของห้างเซ็นทรัลที่มีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยสูง เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นแอปฯ ทางการ ที่สามารถช้อปปิ้งได้อย่างปลอดภัย ควรดาวน์โหลด Central App จาก App Store หรือ Play Store เท่านั้น หรือช้อปผ่านลิ้งค์ทางการเท่านั้น
เมื่อพบเห็นเพจมิจฉาชีพ ลูกค้าสามารถร่วมแจ้งรายงานหรือ Report ได้ตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
ไปที่จุดสามจุดใต้ชื่อเพจ
เลือก Find Support or Report Page หรือ Report Profile
เลือกเหตุผลในการรีพอร์ต ‘Fake Page’
กด Done
ห้างเซ็นทรัลขอยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าทุกคน ด้วยการหมั่นตรวจสอบ ให้คำแนะนำ พร้อมขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่มีเจตนาเผยแพร่และ/หรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงหรือคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงดังกล่าว
รู้ทันกลโกงเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ เลือกช้อปไอเทมโปรดของคุณอย่างปลอดภัยไร้กังวลที่ห้างเซ็นทรัลทั้ง 24 สาขา หรือช้อปได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Central App ครบครันเสมือนยกห้างเซ็นทรัลมาไว้บนมือถือ, เว็บไซต์ www.central.co.th, ช้อปผ่านไลน์ Central Chat & Shop หรือที่ Central Call & Shop และ Personal Shopper On Demand โทร.1425 หรือติดตามข่าวสารกิจกรรมและโปรโมชั่นของห้างเซ็นทรัลได้ที่ www.facebook.com/CentralDepartmentStore
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลเร่งพัฒนาแพลตฟอร์ม สกัดมิจฉาชีพโทร-ส่งข้อความหลอกลวง คาดพร้อมใช้ต้นปี 68
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
คุก! ศาลไม่ให้ประกัน 'เมียตั้ม ษิทรา' หวั่นหลบหนี
ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ข้อหา ฉ้
เผยแจ้งความออนไลน์ 1 มี.ค 65 - 31 ต.ค. 67 เฉลี่ยเสียหายวันละ 7.7 ล้านบาท
'รองโฆษกรัฐบาล' เผยสถิติแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่ 1 มี.ค 65 – 31 ต.ค.67 มูลค่าความเสียหายรวม 7.48 หมื่นล้านบาท เฉลี่ย 77 ล้านบาทต่อวัน
'ทนายตั้ม' โผล่ฉายหนังคนละม้วน อ้างปมเงิน 39 ล้านค่าศิลปินจีน เป็นมิจฉาชีพหลอก 'เจ๊อ้อย'
ที่กองบังคับการปราบปราม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" เข้าพบพนักงานสอบสวน ที่ถูกน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เ
ตำรวจสอบสวนกลาง CIB ผสานพลัง AIS ยกระดับเดินหน้าภารกิจปกป้องประชาชน เปิดบริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร กดแจ้งเบอร์โทรมิจฉาชีพได้ทันที หลังวางสาย
ตำรวจสอบสวนกลาง CIB จับมือ AIS ยกระดับการปกป้องลูกค้า และ ประชาชน จากมิจฉาชีพต่อเนื่องไปอีกขั้น เปิดตัวบริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร