ขบ.เร่งแผนบริหารศูนย์ขนส่งสินค้าเชียงแสน 2.86 พันล้าน

“ขนส่งฯ” จ่อชง ครม.ชุดใหม่ ก.ย.-ต.ค.66 ไฟเขียวเอกชนเข้าบริหาร “ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ” มูลค่า 2.86 พันล้าน สัมปทาน 15 ปี พร้อมลุยสร้างเฟส 2 ช่วง พ.ค.นี้ แล้วเสร็จปี 68 หนุนขนส่งสินค้าทางถนนเชื่อมไทย-ลาว-จีน ส่วน “สถานีขนส่งสุราษฎร์ฯ” ลุยทบทวน PPP คาดเสนอ ครม.ภายในปลายปีนี้

7 เม.ย. 2566 – นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย ขนาดพื้นที่ 335 ไร่ วงเงิน 2,864 ล้านบาทว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชน (PPP) ตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติและข้อเสนอด้านเทคนิค ตามขั้นตอนและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศเชิญชวนฯ

ขณะเดียวกัน ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาต่อรองกับบริษัท เค.เอ็น.อาร์ กรุ๊พ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ยื่นเอกสารข้อเสนอเพียง 1 ราย เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ประกอบกับการจัดทำสัญญาร่วมลงทุนกับภาคเอกชนเพื่อเสนอต่อสำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการคลังตรวจสอบ หลังจากนั้นจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบภายใน ก.ย.-ต.ค. 2566 ก่อนที่จะลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนได้ภายในปี 2566

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า หลังจากลงนามสัญญาร่วมกันแล้ว ภาคเอกชนจะต้องเข้ามาบริหารศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย โดยเอกชนเป็นผู้ร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost หรือ ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่าที่ดิน และค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนค่าอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้า อุปกรณ์สำนักงานและส่วนประกอบ และงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ และเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทั้งหมด รวมทั้งผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา 15 ปี นับจากปีเปิดให้บริการ

ทั้งนี้ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย มีขนาดพื้นที่ 335 ไร่ วงเงิน 2,864 ล้านบาท แบ่งเป็น งบก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานระยะที่ 1 วงเงินประมาณ 1,300 ล้านบาท และงบก่อสร้างระยะที่ 2 วงเงิน649 ล้านบาท ส่วนงบประมาณที่เหลือเป็นการลงทุนของภาคเอกชน วงเงิน 915 ล้านบาท โดยในส่วนของระยะที่ 2 นั้น ขณะนี้ ขบ. ได้รับงบประมาณในการดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วง พ.ค. 2566 และจะแล้วเสร็จในปี 2568

สำหรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ ตั้งอยู่ที่ ต.เวียง อ.เชียงของ ประชิดด่านพรมแดนเชียงของและสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) บนเนื้อที่กว่า 335 ไร่ ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งสินค้าทางถนน เป็นสถานีปรับเปลี่ยนการขนส่งระหว่างประเทศไปสู่ภายในประเทศ รองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศบนเส้นทางสาย R3A เชื่อมต่อการขนส่งระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีนฝั่งตะวันตก (นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน) รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ จ.เชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์ของภาคเหนือ ช่วยลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการขนส่งสินค้า

ขณะที่ความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้า จ.สุราษฎร์ธานี ขนาดพื้นที่ประมาณ 130 ไร่นั้น การศึกษาแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างการทบทวนให้เอกชนร่วมลงทุน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันมากที่สุดอย่างไรก็ตาม คาดว่า จะสามารถเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาเห็นชอบได้ภายในปลายปีนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเอกชนต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยสร้างโครงข่ายการขนส่งสินค้าแบบ Hub-and-Spoke ลดปริมาณการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มคันและรถเที่ยวเปล่า และยังสนับสนุนการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการขนส่ง และในภาพรวมด้านเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บขส.ตื่นคุมเข้มรถโดยสารทุกคันต้องตรวจสภาพก่อนให้บริการ

‘สุรพงษ์’ เน้นย้ำ!! รถโดยสาร บขส. ทุกคันต้องตรวจสภาพความพร้อมก่อนให้บริการ – พนักงานแนะนำอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยบนรถ สร้างความมั่นใจผู้โดยสาร

‘ขนส่ง’ สั่งเด้ง 2 นายช่างตรวจสภาพรถเปิดทางสอบสวนข้อเท็จจริงส่างปมรถบัสไฟไหม้

‘ขนส่งทางบก’ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีไฟไหม้รถบัสนักเรียน สั่งย้าย 2 ข้าราชการฝ่ายตรวจสภาพรถจังหวัดสิงห์บุรี ชี้หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุด

’ขนส่ง‘ โชว์ประมูลป้ายสวย ’หมวดอักษร 2ขข’ โกยรายได้ 55 ล้าน

‘ขนส่งทางบก’เผยผลการประมูลหมายเลขทะเบียนรถ ’หมวดอักษร 2ขข ’หมายเลขที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ 2ขข 2222 มียอดเงินจากการประมูลอยู่ที่ราคา 6 ล้านบาท โดยยอดรายได้จากการประมูลรวม 2 วัน กว่า 55 ล้านบาท ลุยนำรายได้หนุนโครงการด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน