30 มี.ค. 2566 – บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยจัดพอร์ต โฟลิโอแยกธุรกิจการค้าปลีก การค้าส่ง การสั่งผลิต การนำเข้าและการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาและการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ อันมีส่วนเกี่ยวข้องเกื้อหนุนกับการค้าปลีก และ/หรือการค้าส่ง และธุรกิจเดิมของ Big C ทั้งหมด ให้รวมอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BRC” ซึ่งปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 87,135,026,800 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 8,713,502,680 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยบริษัทมีแผนการจะนำ BRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกินร้อยละ 29.98 ของทุนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุนและการออกและเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งรวมจำนวนหุ้นสามัญที่จะจัดสรรให้แก่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Agent) (หากมี) หรือจำนวนไม่เกิน 3,729,999,999 หุ้น ส่งผลให้ภายหลังการเพิ่มทุนและการเสนอขายหุ้น IPO จะมีจำนวนหุ้นรวมทั้งสิ้นไม่เกิน12,443,502,679 หุ้น
ในโอกาสนี้บริษัทยังได้แต่งตั้ง คุณอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่คนแรกของ BRC โดยคุณอัศวินได้กล่าวถึงทิศทางในการขับเคลื่อน BRC สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนว่า “BRC คือบริษัทเรือธง (Flagship Company)ซึ่งดำเนินธุรกิจการค้าปลีก การค้าส่ง การสั่งผลิต การนำเข้าและการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาและการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ อันมีส่วนเกี่ยวข้องเกื้อหนุนกับการค้าปลีก และการค้าส่ง ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มสินค้าและบริการทางค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) สร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของรายได้รวมของกลุ่ม BJC อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าในเครือ ซึ่งครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา BRC มีรายได้รวม 113,573 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 6,757 ล้านบาท และสินทรัพย์รวม 336,833 ล้านบาท
โดยการปรับโครงสร้าง BRC เพื่อรองรับแผน IPO และการนำหุ้น BRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น จะส่งผลให้ BRC สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัว เป็นอิสระ สามารถระดมทุนจากตลาดทุนได้ด้วยตัวเอง รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมแบรนด์บิ๊กซีและแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ BRC ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจและดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถใหม่ ๆ มาช่วยสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งให้ธุรกิจทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาคในอนาคต”
การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ BRC เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้กลุ่ม BJCเติบโตไปข้างหน้าภายใต้กลยุทธ์การปรับโมเดลธุรกิจไปสู่ธุรกิจชั้นนำในตลาดโลก เพื่อส่งมอบสินค้าผ่านช่องทางที่ทันสมัยและให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า และขยายสาขาบิ๊กซีเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับทิศทางการเติบโตของ BRC มีการวางแผนการขยายช่องทางการค้าแบบ Omni-channel ผลักดันยอดขายเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ และการบริการจัดส่งเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ผ่าน แอปพลิเคชัน Big C PLUS, Call-Chat-Shop, Line, Drive thru, บริการจัดส่งด่วนภายใน 1 ชั่วโมง และความร่วมมือผ่านการขยายช่องทางการค้ากับพันธมิตรชั้นนำต่าง ๆ รวมถึงผลักดันยอดขายสินค้า Private Label ของบิ๊กซี อาทิ We Are Fresh, Besico, Big C Happy Price, Big C Happy Price Pro เป็นต้น
ปัจจุบัน บิ๊กซี มีฐานลูกค้าผ่านบัตรสมาชิกบิ๊กพอยต์กว่า 18 ล้านราย มีลูกค้าทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายร้านค้าปลีกหลากหลายรูปแบบ (Multi-format) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้ง บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี ดีโป้, บิ๊กซี มินิ, บิ๊กซี ฟู๊ด เซอร์วิส รวมถึงธุรกิจตลาดกลางแจ้งอย่างตลาดทิพย์นิมิตร, ตลาดครอบครัว, ตลาดเดินเล่น ตลอดจนร้านกาแฟวาวี, ร้านหนังสือเอเซียบุ๊คส และร้านยาเพรียว อีกทั้ง ยังได้ริเริ่มโครงการร้าน “โดนใจ” ซึ่งเป็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศไทยผ่านการยกระดับร้านโชห่วยสู่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ผ่านการให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ให้กับร้านค้าเหล่านี้เพื่อให้สามารถเติบโตและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นของตนเอง
คุณอัศวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับเงินที่จะได้จากการขายหุ้น IPO ของ BRC จะนำไปใช้ลงทุนในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งรวมถึงชำระหนี้บางส่วนของ BRC และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของ BRC ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ของ BRC นั้น BJC จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และ BRC จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ BJC ในสัดส่วนร้อยละ 70.02”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บีเจซี เผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 ดันรายได้รวมเติบโตทะลุ 41,774 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตกว่า 14.2%
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 41,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603 ล้านบาทจากปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,825 ล้านบาท
บิ๊กซี ส่งท้ายปี จัดแคมเปญ “Big C Moment of Happiness” ชวนช้อปสินค้าต้อนรับปีใหม่ทั้งของขวัญ และสินค้าปาร์ตี้ มากกว่า 2,000 รายการ
บิ๊กซี เปิดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อไตรมาสสุดท้าย “Big C Moment of Happiness” ขนทัพสินค้าส่งความสุขรับเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ มากกว่า 2,000 รายการ ในราคาสุดพิเศษ พบกับกระเช้าปีใหม่หลากหลายดีไซน์ สินค้ากิฟท์เซ็ต ของขวัญ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุปโภคบริโภค หลากหลายรายการ พร้อมสินค้าปาร์ตี้แบบจุใจ
บิ๊กซีร่วมกับพันธมิตร จัดงาน “สวยได้ Save ดี แบบเซเลบิวตี้ที่คุณชอบ” รวมไอเทมสุดฮอตครบครัน มาจัดโปรโมชั่นลดสูงสุด 50 %
“บิ๊กซี” จัดงาน “สวยได้ Save ดี แบบเซเลบิวตี้ที่คุณชอบ”เอาใจสายบิวตี้เลิฟเวอร์ทุกเพศ ทุกวัย สวยครบ จบทุกสไตล์ ที่ใคร ๆ ก็สวยได้ ครั้งแรกของปีกับบิวตี้แฟร์สุดปังรวมสินค้าบิวตี้ไอเท็มสุดฮอตจากแบรนด์ชั้นนำ กว่า 2,000 รายการ ได้แก่ Skynlab, Unilever, Hi-Herb, SRICHAND, P&G, L’Oreal, Osotspa, Nivea, Dentiste และอื่นๆอีกมากมาย
บีเจซี จับมือ บีไอจี ร่วมศึกษาศักยภาพไฮโดรเจนฟอร์คลิฟท์ สู่การขนส่งที่ยั่งยืน
บีไอจี ผู้นำด้านนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับ บีเจซี ผู้ดำเนินธุรกิจพาณิชยกรรมนำเข้า-ส่งออก
ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ผู้บริหารหญิงคนแรกของ บีเจซี ติด 1 ในฟอร์จูน 100 ผู้ทรงพลังแห่งเอเชีย
นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการประกาศจาก “นิตยสารฟอร์จูน”