กรุงไทยจับตาส่งออกปีนี้ร่วงหนัก โชคดีท่องเที่ยวฟื้น อุ้มศก.ไทยโต 3.4%

28 มี.ค. 2566 – เศรษฐกิจปี 2566 กำลังเผชิญความท้าทายที่ชัดเจนมากขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของเครื่องยนต์หลักจากการส่งออกสินค้าที่ชะลอตัวไปสู่ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ว่า Krungthai COMPASS ได้คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 โดยคาดว่าจะเติบโตได้ที่ 3.4% แต่การเปลี่ยนผ่านของแต่ละเครื่องยนต์หลักได้กระทบต่อเศรษฐกิจส่วนรวมมากกว่าที่เคยประเมินไว้ในเดือน ธ.ค. 2565 และมีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น โดยภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการผลักดันให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตต่อเนื่องนั้น คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาถึงระดับ 27.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดไว้เพียง 22.5 ล้านคน แต่เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ภาวะชะลอตัวผ่านการส่งออกสินค้าที่มีโอกาสกลับมาหดตัวถึง -1.6% รุนแรงกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะเติบโตได้เล็กน้อยที่ 0.7% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก

และมีความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรงมากกว่าคาด สะท้อนจากการปิดตัวลงของธนาคารพาณิชย์บางแห่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) จากการขาดสภาพคล่องเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านช่องทางการส่งออกสินค้าเป็นหลัก นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านท่ามกลางภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งต้นทุนทางการเงินและต้นทุนราคาสินค้า รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายที่ยังคงมีต่อเนื่อง

การท่องเที่ยวฟื้นตัวดันเศรษฐกิจไทยให้โตเร่งขึ้น

การท่องเที่ยวเติบโตชัดเจนและมีแนวโน้มดีกว่าที่เคยประเมินไว้ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวเร็วกว่าคาด นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้นถึงเดือนละ 2 ล้านคน ในช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. 2566 เป็นผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวชัดเจน โดยจำนวนเที่ยวบินเดือน ม.ค.-ก.พ. ฟื้นตัวมาสู่ระดับ 71.9% เมื่อเทียบกับปี 2562 เป็นผลจากเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ฟื้นตัวมาที่ระดับ 61.4% ของปี 2562 หรือขยายตัว 69% เทียบกับจำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยในปี 2565 นอกจากนี้อัตราการเข้าพักแรมทั่วประเทศในเดือนม.ค. 2566 ปรับดีขึ้นต่อเนื่องมาสู่ระดับ 71.4% เมื่อเทียบกับความสามารถในการรองรับทั้งหมด ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนของภาคการท่องเที่ยวและเป็นเครื่องยนต์หลักที่จะช่วยให้เศรษฐกิจปีนี้เติบโตได้ต่อเนื่อง

Krungthai COMPASS ประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเข้าไทยมากถึง 27.1 ล้านคน สูงกว่าประมาณการเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 22.5 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวหลายสัญชาติที่ฟื้นตัวเร็วโดยเฉพาะยุโรปที่มีแนวโน้มฟื้นตัวไปถึงระดับ 80% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 ซึ่งสูงกว่าประมาณการเดิมที่คาดไว้เพียง 50% ประกอบกับนักท่องเที่ยวชาวจีนทยอยเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นจนกลายมาเป็น Top 5 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงต้นปี และคาดว่าจะฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 1.7% ของจีดีพี จากทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายต่อหัวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ภาคการท่องเที่ยวมีความเสี่ยงด้านบวกที่อาจฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด (Best case) โดยจำนวนนักท่องเที่ยวอาจเติบโตเร่งขึ้นเร็ว เนื่องมาจากความต้องการท่องเที่ยวของนักเดินทางที่ถูกอัดอั้นมานานถึง 3 ปี นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ซึ่งมีโอกาสทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจเติบโตได้เร่งขึ้นกว่ากรณี Base case ที่ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการเดินทางของจีนที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและมากกว่าคาด Krungthai COMPASS คาดว่าในกรณี Best case นักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 อาจเพิ่มสูงถึง 29.6 ล้านคน และจะสร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวมากถึง 1.4 ล้านล้านบาท

การส่งออกสินค้าหดตัว ฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจ

ส่งออกสินค้าของไทยหดตัวหนักในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มหดตัวต่อในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยการหดตัวในไตรมาสที่ผ่านมาเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวทำให้ความต้องการสินค้าลดลงสะท้อนจากการส่งออกด้านปริมาณที่หดตัว โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง และ อัญมณีและเครื่องประดับ ประกอบกับมาตรการ Zero-COVID ของจีนได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าบางประเภท เช่น เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ และยางพารา เป็นต้น สำหรับการส่งออกในปีนี้มีแนวโน้มที่จะหดตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีทิศทางที่ปรับดีขึ้นบ้าง โดยข้อมูลล่าสุดในเดือน ม.ค. การส่งออกหดตัว -4.5%YoY น้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ธ.ค. -14.6%YoY โดยสินค้าที่มีทิศทางดีขึ้น เช่น ยางพารา และเครื่องใช้ไฟฟ้า หลังจากการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ของจีน และอุปสงค์ของสินค้าบางชนิดกลับมาเพิ่มขึ้น หลังจากทิศทางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวน้อยกว่าคาด สอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของโลกที่ทยอยปรับดีขึ้นบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับเปราะบาง ขณะที่ สินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์ที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 7.2% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดกำลังเผชิญกับวัฏจักรขาลงทำให้หดตัวสูงถึง -21.2%YoY ในเดือน ม.ค. และมีแนวโน้มที่จะหดตัวต่อเนื่อง

Krungthai COMPASS ประเมินว่า การส่งออกปีนี้มีแนวโน้มหดตัว -1.6%YoY จากอุปสงค์ของสินค้าในตลาดโลกที่ยังอ่อนแอโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ส่งออกมีความเสี่ยงอาจหดตัวมากกว่าคาดจากความต้องการสินค้าเปลี่ยนไปสู่ภาคบริการมากขึ้นหลังจากยุคโควิด และเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้าของไทยเคยเติบโตได้ดีในปี 2564 ส่วนหนึ่งจากอานิสงส์ความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดทยอยคลี่คลาย ความต้องการสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอายุการใช้งานได้นานจึงเริ่มลดลงหลังจากมีการเร่งใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าหลายประเทศในเอเชียหดตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปี 2565 โดยเฉพาะไต้หวันและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ สอดคล้องกับยอดคำสั่งซื้อเซมิคอนดักเตอร์ของโลกที่แสดงถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังอยู่ในช่วงวัฏจักรขาลงซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อภาคการส่งออกอย่างน้อยครึ่งปี นอกจากนี้การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคในหลายประเทศยังได้ซ้ำเติมให้ความต้องการจับจ่ายใช้สอยในด้านสินค้าเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาคบริการมากขึ้น

ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ประเมินว่าในกรณีเลวร้าย (worse case) การส่งออกมีแนวโน้มหดตัวสูงถึง -6% อุปสงค์โลกที่แผ่วลงนอกจากจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกสินค้าแล้วยังส่งผลกระทบต่อการลดระดับสินค้าคงคลังของผู้ผลิตลง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นายกฯอิ๊งค์' เชื่อเศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มดีขึ้น ตั้งเป้าจีดีพีโต 3%

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาทำงานที่มีนโยบายต่างๆสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในปี 2568 งบประมาณจะเพิ่มขึ้น และมีการขาดดุลการคลังที่ลดลง ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดี

Nvidia บริษัท AI ระดับโลก ไปลงทุนที่ 'เวียดนาม' แล้ว 'ไทยจะทำอย่างไร'

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ทำไม Nvidia บริษัท AI ระดับโลก ไปลงทุนที่ "เวียดนาม" แล้ว "ไทยจะทำอย่างไร" เมื่อ "เวียดนาม" ขึ้นแท่น "ผู้นำเศรษฐกิจอาเซียน"

หอมกลิ่นความเจริญ! 'ทักษิณ' ประกาศปั้น GDP ประเทศไทยให้ถึง 4-5 %

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษหัวข้อ อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย ในงานสัมมนา ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับเครือมติชน

'สุดารัตน์' ถามนายกฯ เตรียมรับมือเศรษฐกิจปีหน้าหรือยัง ชี้แจกเงินหมื่นไม่ตอบโจทย์

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจประเทศไทยภายใต้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีปัญหาอยู่แล้ว คือหนี้ภาคครัวเรือนที่มีสูงถึง 92%

Virtual Bank ..ธนาคารในโลกดิจิทัล มุมมอง..ผ่านวิสัยทัศน์ 'ผยง ศรีวนิช'

ตั้งแต่กระทรวงการคลัง ประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank หรือ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ..จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติ ศักยภาพ และความสามารถของผู้ขออนุญาต  โดยคาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อได้ภายในช่วงกลางปี 2568 โดยผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ

‘อนุสรณ์’ วิเคราะห์ ‘ทรัมป์2.0’ ไทยต้องปรับยุทธศาสตร์ ศก. พึ่งพาตัวเองมากขึ้น

ทรัมป์ 2.0 ไทยต้องปรับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจหันพึ่งพาตัวเองมากขึ้น สินค้านอกข้อตกลงเอฟทีเอกระทบรุนแรง สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯรอบใหม่อาจนำไปสู่สงครามเย็นรอบใหม่ในไม่ช้า