ต่างชาติแห่โอนห้องชุดในไทยในปี 65 พุ่งกระฉูด 11,561 ยูนิต เพิ่มขึ้น 41% จีนนำโด่ง

รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ไตรมาส 4 ปี 2565 มูลค่าการโอนเพิ่มขึ้น 95.8 % จากปี 2564 สูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส

23 มี.ค. 2566 -ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 4 ปี 2565 เพิ่มขึ้น 82.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมา 5 ไตรมาสแล้วนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 

ทั้งนี้มีปัจจัยบวกมาจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ COVID-19 ในนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ประเทศปี 2564 และมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในช่วงกลางปี 2565 ส่งผลเชิงบวกต่อทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยชาวต่างชาติที่ได้กลับมารับโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดที่ทำสัญญาซื้อขายจากผู้ประกอบการในช่วงก่อนหน้า รวมถึงชาวต่างชาติที่ซื้อห้องชุดที่สร้างเสร็จและเหลือขาย ซึ่งส่งผลให้ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในไตรมาส 4 ปี 2565 มีการขยายตัวขึ้นอย่างมากทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า 

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศ ในไตรมาส 4 ปี 2565 โดยพบว่า หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 3,780 หน่วย เพิ่ม 82.3%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเชิงจำนวนหน่วยนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2565 และเป็นจำนวนหน่วยที่สูงสุดในรอบ 16 ไตรมาส นับจากไตรมาส 1 ปี 2562 และยังมีจำนวนหน่วยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายไตรมาสในช่วง 2 ปี ที่เกิด COVID-19  (ปี 2563 – 2564) ร้อยละ 80.7 ที่มีจำนวน 2,092 หน่วย/ไตรมาส 

สำหรับมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 19,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 95.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ปี 2565 และเป็นมูลค่าที่สูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส นับจากไตรมาส 1 ปี 2561 และยังเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ฯ ในช่วง 2 ปี ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีมูลค่าเพียงไตรมาสละ 9,979 ล้านบาท/ไตรมาส 

หากพิจารณาในภาวะการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติสะสมในปี 2565 พบว่ามีจำนวน 11,561 หน่วย เพิ่มขึ้น 41.0% รวมเป็นมูลค่า 59,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.2%  โดยมีพื้นที่โอนกรรมสิทธิ์รวม 530,430 ตร.ม. เพิ่มขึ้น 49.3%  ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในปี 2565 ที่ผ่านมาแล้วนั้นน่าจะแสดงให้เห็นได้ว่า ตลาดห้องชุดคนต่างชาติในภาพรวมมีทิศทางที่น่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นแล้ว และการซื้อห้องชุดของคนต่างชาติในช่วงก่อนหน้าได้มีการรับโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีแรงซื้อใหม่จากชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ผู้ซื้อชาวจีน 

ระดับราคาห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ ในไตรมาส 4 ปี 2565 ห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติมากที่สุด จะอยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท โดยมีการโอนจำนวน 1,812 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.9 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด จำนวน 3,780 หน่วย รองลงมาคือ ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท มีจำนวน 968 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.6 โดยอีกร้อยละ 20.7 เป็นระดับราคา 5.01 -10 ล้านบาท ประกอบด้วย ระดับราคา 5.01 – 7.50 ล้านบาท มีจำนวน 440 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.6 ระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 345 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.1 และระดับราคา 7.51 – 10.00 ล้านบาท มีจำนวนน้อยที่สุด คือ 215 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.7 ตามลำดับ ทั้งนี้พบว่า ห้องชุดราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน 

สัญชาติคนต่างชาติที่รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในปี 2565 จะพบว่า ชาวจีน เป็นสัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวจีนไปแล้วทั้งหมด 5,707 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 49.4 ของหน่วยทั้งหมด โดยมี 4 สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อันดับรองลงมา ได้แก่ รัสเซีย จำนวน 813 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.0 ถัดมาคือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 542 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.7 สหราชอาณาจักร จำนวน 393 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.4 อับดับ 5 คือ ฝรั่งเศส จำนวน 351 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.0 ตามลำดับ

ส่วนจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติสูงสุด ในปี 2565 จะพบว่าจังหวัดที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี สมุทรปราการ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพฯ มีจำนวน 5,260 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45.5 และชลบุรี จำนวน 3,567 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.9 ตามลำดับ โดยทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันสูงถึงร้อยละ 76.4 ของทั่วประเทศ 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อิ๊งค์’ โชว์30บ. เวทีผู้นำเอเปก

นายกฯ อิ๊งค์โชว์ผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ บนเวทีผู้นำภาคเอกชนเอเปก พร้อมชวนลงทุนด้านธุรกิจดูแลสุขภาพในไทย มั่นใจหลังให้นโยบาย “บีโอไอ”

นายกฯอิ๊งค์ โชว์ 30 บาทรักษาทุกโรค บนเวทีสุดยอดผู้นำภาคเอกชนเอเปก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 15 พ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 12 ชม.) ณ the Grand National Theater of Peru กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมน

'แพทองธาร' หารือทวิภาคี 'สี จิ้นผิง' จีนยันสนับสนุนไทยในเวทีระดับโลกทุกมิติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 15 พ.ย. 2567 เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ประเทศเปรู ซึ่งช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) โรงแรม Delfines Hotel

'บาส หัสณัฐ' ปลื้มแฟนจีนแห่ต้อนรับสุดอบอุ่น เผยเตรียมลุยคอนเสิร์ตเดี่ยว

มีโอกาสได้ไปร่วมโชว์ในงาน "Trance Music Festival" ที่กุ้ยหลิน ประเทศจีน เมื่อวันก่อน ทำเอานักแสดงหนุ่มหน้าใส "บาส-หัสณัฐ พินิวัตร์" เจ้าของฉายา "บาสเด็กอ้วนที่แท้จริง" ปลื้มสุดๆ เพราะมีแฟนๆชาวจีนมาให้กำลังใจล้นหลาม งานนี้เจ้าตัวเลยมาเล่าถึงการทำงานที่จีน พร้อมทั้งอัปเดตคอนเสิร์ตเดี่ยวที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้

'อุ๊งอิ๊งออนทัวร์' เตรียมบินไปจีนแก้ปัญหาแก๊งเทา ลัดฟ้าไปเปรู ประชุมเอเปค

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่