“ทางหลวง” ลุ้นคลัง-สบน.ไฟเขียวขอแหล่งเงินกู้ สร้างมอเตอร์เวย์ต่อขยายเชื่อมสนามบินอู่ตะเภา 4.5 พันล้านบาท ภายในปีนี้ เร่งสปีดลงนามสัญญาร่วมเอกชนภายในต.ค.66 เริ่มก่อสร้างปี 67 คาดเปิดให้บริการปี 69 รองรับการเดินทางเข้าสนามบิน
22 มี.ค. 2566 – รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเข้าสนามบินอู่ตะเภา วงเงิน 4,508 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง วงเงิน 3,960 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน วงเงิน 135 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด วงเงิน 305 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดิน 108 ล้านบาท หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้กรมฯดำเนินงานก่อสร้างโครงการฯ โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้สำหรับค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานตามแผนบริหารหนี้สาธารณะนั้น ขณะนี้กรมฯอยู่ระหว่างรอกระทรวงการคลังเจรจาเพื่อขอใช้แหล่งเงินกู้กับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) คาดว่าจะเจรจาแล้วเสร็จภายในปีนี้
ขณะเดียวกันหลังการเจรจาเพื่อขอใช้แหล่งเงินกู้เพื่อเดินหน้าโครงการฯ ดังกล่าวแล้ว กรมฯจะดำเนินการประกาศประกวดราคาและลงนามสัญญาร่วมกับเอกชนได้ภายในเดือนตุลาคม 2566 หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2567 ระยะเวลาก่อสร้างราว 2 ปีกว่า คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2569
“ส่วนสาเหตุที่กรมฯไม่ได้ประมูลโครงการฯ ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) เนื่องจากโครงการฯมีแนวเส้นทางต่อขยายเพื่อเชื่อมสนามบินอู่ตะเภาเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีการจัดเก็บค่าผ่านทาง แต่เป็นการเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้ผู้ใช้บริการสนามบินอู่ตะเภาในอนาคต”แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตามหากโครงการฯก่อสร้างแล้วเสร็จก็ยังคงต้องรอให้สนามบินอู่ตะเภาก่อสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการด้วย เพราะหากกรมฯเปิดให้ประชาชนใช้บริการก่อนสนามบินอู่ตะเภาเปิดให้บริการ จะทำให้แนวเส้นทางของโครงการฯยังไม่สามารถเชื่อมเข้าสนามบินดังกล่าวได้ ซึ่งกรมฯมั่นใจว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนสนามบินอู่ตะเภาเปิดให้บริการแน่นอน โดยระหว่างที่โครงการฯก่อสร้างแล้วเสร็จ ช่วงนี้กรมฯจะให้กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) รับผิดชอบดูแลไปก่อน
ทั้งนี้จากการศึกษาโครงการฯ มีผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ ดังนี้ ด้านผลการวิเคราะห์ประโยชน์ทางตรงต่อผู้ใช้ทาง (Direct Road User Benefit) มีอัตราผลตอบแทนการลงทุน (EIRR) อยู่ที่ 14.79% มูลค่าผลตอบแทนปัจจุบันสุทธิ (NPV) อยู่ที่ 1,089 ล้านบาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุน (B/C) อยู่ที่ 1.35 ส่วนผลการวิเคราะห์ด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออก ส่งผลให้ผลผลิตรวม (Gross output) เพิ่มขึ้น 10,167 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์มวลรวมเพิ่มขึ้น 0.31%
ส่วนการเปิดจุดเชื่อมต่อจาก ทล.7เข้าสู่สนามบินอู่ตะเภาโดยตรง จะช่วยแบ่งเบาการจราจรบริเวณทางแยกต่างระดับอู่ตะเภา โดยคาดการณ์ในปี 2568 หรือปีเปิดให้บริการ จะมีปริมาณจราจรจาก ทล.7 มุ่งสู่สนามบินอู่ตะเภา 22,000 คันต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็น 27,600 คันต่อ วัน และ 41,300 คันต่อวัน ในปีที่ 10 และปีที่ 30 ตามลำดับ
สำหรับรูปแบบการก่อสร้างของโครงการฯ เป็นการก่อสร้างทางยกระดับแนวใหม่ขนาด 4 ช่องจราจร เชื่อมต่อทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ระยะทาง 1.920 กิโลเมตร (กม.) และมีทางบริการระดับพื้นเพื่อรองรับการสัญจรบริเวณใต้ทางยกระดับ โดยก่อสร้างช่องทางเลี้ยวและทางแยกต่างระดับบริเวณจุดตัดกับ ทล. 3 และปรับปรุง ทล. 3 ขยายจาก 4 ช่องจราจร เป็น 8 ช่องจราจร รวมทั้งก่อสร้างสะพานกลับรถ (U-Turn) บน ทล.3 ซึ่งโครงการฯจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง เนื่องจากส่วนต่อขยายฯ อยู่นอกบริเวณด่านอู่ตะเภา และไม่มีการสร้างด่านเก็บค่าผ่านทางเพิ่มเติม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สุริยะ' เล็งหารือกรมบัญชีกลางปมออก 'สมุดพกผู้รับเหมา'
“สุริยะ" เผยเดินหน้ามาตรการ "สมุดพกผู้รับเหมา" พบทำผิด พร้อม “ตัดคะแนน-ลดชั้น-ถอดจากทะเบียน” เตรียมเข้าหารือกรมบัญชีกลางเร็วๆนี้ ด้าน “กรมทางหลวง”คาดสอบสาเหตุเสร็จใน14 วัน
ภาคเหนืออ่วม 'คมนาคม' สั่งหน่วยงานติดตามสถานการณ์น้ำท่วมตลอด 24 ชม.
‘สุริยะ’ สั่งเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ จ.เชียงรายอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม. มอบหมาย ’ทล.-ทช.’ส่งเจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยด่วน จัดเตรียมบุคลากร-อุปกรณ์-เครื่องมือบรรเทาภัยให้พร้อม
ภาคเหนืออ่วม ‘คมนาคม’ สั่งหน่วยงานติดตามสถานการณ์น้ำท่วมตลอด 24 ชม.
‘สุริยะ’ สั่งเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ จ.เชียงรายอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม. มอบหมาย ’ทล.-ทช.’ส่งเจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยด่วน จัดเตรียมบุคลากร-อุปกรณ์-เครื่องมือบรรเทาภัยให้พร้อม