8 มี.ค. 2566 – นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมงบลงทุนในช่วง 5 ปี (2566 – 2570) ไว้ที่ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็น1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้ในการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้และเงินกู้ที่บริษัทถืออยู่มีอยู่ 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐ และอีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐจะใช้ลงทุนในช่วง 3 ปี ( 2566-2568) โดยแบ่งเป็น 50% ในการเดินหน้าพัฒนาในโครงการพลังงานสะอาดใหม่ ๆ รวมถึงโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 10 เมกะวัตต์แต่ไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ (SPP) และอีก 270 ล้านเหรียญสหรัฐ จะลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมี ขยายโรงงานแห่งที่ 2 ในอินโดนีเซีย แต่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันต้องติดตามสถานการณ์เงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะสามารถเริ่มขยายได้ในช่วงกลางปีนี้ หรือช่วงสิ้นปี ขณะเดียวกันยังแบ่งเงินไว้อีก 220 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้ปรับปรุงและพัฒนาโครงการเดิมที่มีอยู่ รวมถึงลงทุนในสตาร์ทอัพ
สำหรับเป้าหมายหลักในปีนี้ จะเป็นการเร่งดำเนินโครงการสำคัญตามแผนกลยุทธ์ เช่น โครงการพลังงานสะอาด (CFP) ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดไปต่างประเทศในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย พร้อมทั้งเร่งศึกษาในการต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง และแสวงหาโอกาสเข้าสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เช่น ธุรกิจสารเคมีที่ใช้เพื่อการยับยั้งและกำจัดเชื้อโรค รวมถึงสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ซึ่งบริษัทยังได้ปรับเป้าหมาย ธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ ในปี 2030 สัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอยู่ที่ 40% ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ต่อยอดจากปิโตรเคมี 30% ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและธุรกิจใหม่ๆ 25% และธุรกิจไฟฟ้า 5% เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
“ปีนี้บริษัทยอมรับว่ารายได้จะปรับตัวลงเหลือประมาณ 4 แสนล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 5.3 แสนล้านบาท เป็นผลมาจากค่าการกลั่น GRM สิงคโปร์กลับมาสู่ระดับปกติ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 7-8 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่อยู่ที่ 6-8 เหรียญ/บาร์เรล แต่ยังต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ 10.7 เหรียญ/บาร์เรล ประกอบกับคาดการณ์ทิศทางราคาน้ำมันดิบครึ่งแรกของปีนี้น่าจะอยู่ในกรอบ 80-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีแรงหนุนจากจีนเปิดประเทศ แต่เศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีความไม่แน่นอนสูงอยู่”นายบัณฑิต กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดน้ำมันในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีการเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน โดยความต้องการใช้น้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ในช่วงเดือน ม.ค. 2566 โตขึ้น 19% และน้ำมันอากาศยาน โตขึ้น 100% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการท่องเที่ยวฟื้นตัวทำให้มีการเดินทางเพิ่มขึ้น ทำให้ปีนี้คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันทั้งปีโต 4-5% และน้ำมันเจ็ตโต 50-60% ส่วนปิโตรเคมียังถือว่าปีนี้เป็นปีท้าทาย เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่จากจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และเวียดนามเข้ามาในตลาดมากกว่าความต้องการใช้ปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศจีน กดดันมาร์จิ้นปิโตรเคมี
นายบัณฑิต กล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ของไทยที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่ชี้วัดว่าเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร ซึ่งในด้านของนโยบายพลังงานเองก็มีประเด็นสำคัญอยู่หลายด้าน โดยเฉพาะความต่อเนื่องและไม่เป็นนโยบายที่ย้อนกลับหลัง รวมถึงในนโยบายที่ดีอยู่แล้ว อย่างเช่น ส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบาย 30@30 ก็อยากให้มีการสนับสนุนให้เดินหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของอุตสหกรรมได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยออยล์ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับสูงสุดของโลก ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซ เป็นปีที่ 9 จาก S&P Global
กรุงเทพฯ: บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับ “Top 1% S&P Global Corporate Sustainability Assessment Score 2023”
ไทยออยล์ เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับสากล เป็นปีที่ 8 ในอุตสาหกรรมการตลาด และการกลั่นน้ำมันและก๊าซ และได้รับการรับรองเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11
กรุงเทพฯ: บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับคะแนนสูงสุดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซเป็นปีที่ 8 จากการประเมินผล DJSI
“ไทยออยล์” ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ภาพรวมธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566
สถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี คลี่คลาย ไม่พบคราบน้ำมันแล้ว กองทัพเรือแถลงปิดศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการฯ
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) แจ้งสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) คลี่คลาย โดยล่าสุดจากการสำรวจทั้งทางอากาศและเรือลาดตระเวน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 กันยายน 2566
ไทยออยล์ร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการปลูกป่า 2 ล้านไร่ กลุ่ม ปตท.
เมื่อเร็วๆนี้ นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (ที่ 4 จากขวา) เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการปลูกป่า 2 ล้านไร่
ไทยออยล์ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับสูงสุดของโลก ประจำปี 2566 จาก S&P Global
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับ “Top 1% S&P Global ESG Score 2022” ของกลุ่มอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซ