1 มี.ค. 2566 – นางสาวพีม อนันตประกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค พ้อยท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายของเล่นเพื่อส่งเสริมและสร้างพัฒนาการเด็กเล็ก โดยมุ่งเน้นช่วงวัยแรกเกิดจนถึง 3 ปี รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ของแม่และเด็กแบรนด์ชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป มากกว่า 10 แบรนด์ คิดเป็นจำนวนสินค้ามากกว่า 1,500 รายการ
ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นสินค้าพรีเมียมมาสู่ประเทศไทย ทำตลาดในกลุ่มกลาง-บน ซึ่งแต่ละสินค้าจะต้องผ่านเกณฑ์การคัดสรรจากปัจจัย 3 อย่าง คือ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีพัฒนาการสม่ำเสมอ เป็นของใหม่ที่ทันสมัยและไม่ตกเทรนด์ รวมถึงต้องเป็นแบรนด์ที่ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูงสุด สุดท้ายคือต้องมีความเหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานคนไทย
ขณะเดียวกันบริษัทมีช่องทางการขายหลัก 5 ช่องทาง ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็ก ซึ่งรวมถึง ร้าน Baby Basket จำนวน 2 สาขา ที่ห้างเมกา บางนา และเซ็นทรัลเวิลด์, งานแสดงสินค้าหรืองานแฟร์, ช่องทางโซเชียวมีเดีย และรวมถึงมาร์เก็ตเพลส ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจนมีสัดส่วนการขายกว่า 70% มองว่าการเติบโตนี้เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นต่อเนื่องและรวดเร็วและยังเป็นผลจากการปรับตัวของบริษัทในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา
“แต่ก่อนบริษัทเติบโตมาจากการขายที่ห้างเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อมีช่องทางออนไลน์เข้ามารวมถึงมีสถานการณ์โควิดเกิดขึ้น มันเหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ธุรกิจเปลี่ยนไป ช่วงที่ห้างปิด ต้องบังคับตัวเองให้ปรับตัวเร็ว ต้องดึงทีมที่ไม่มีงานในตอนนั้นขึ้นมาทำออนไลน์ ทำโซเชียล ทำไลฟ์เข้าถึงลูกค้าโดยตรงเพื่อให้ยอดขายไม่เป็นศูนย์ โดยแม้จะกลับไปยอดเดิมไม่ได้ทันที แต่ก็สร้างกำไร ที่สำคัญการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสนี้ช่วยให้เราตามตลาดทัน กลายเป็นว่าเรามีช่องทางที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างมาก” นางสาวพีม กล่าว
นอกจากนี้ ช่องทางสำคัญหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง คือการจัดงานแฟร์ ที่มีจุดแข็งในการได้สื่อสารกับลูกค้าโดยตรง และเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์การศึกษาทิศทางตลาด เช่น ธุรกิจของคู่แข่ง เทรนด์สินค้า ฯลฯ ซึ่งในวันที่ 5-8 เมษายน 2566 นี้ แปซิฟิค พ้อยท์ มีแผนจะเข้าร่วมงาน “Kind + Jugend ASEAN 2023” งานแสดงสินค้านานาชาติที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์และของใช้จำเป็นสำหรับเด็กแห่งภูมิภาคอาเซียน ณ ไบเทค บางนา โดยจะมีการนำแบรนด์สินค้าชั้นนำรวม 3 แบรนด์ไปจัดแสดงในงานได้แก่ Micro แบรนด์สกูตเตอร์ระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์, Nuna แบรนด์รถเข็นและคาร์ซีทระดับพรีเมียมจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Joie แบรนด์รถเข็น คาร์ซีทรวมถึงอุปกรณ์เบบี้เกียร์จากประเทศอังกฤษ ที่มีคุณภาพสูงในราคาที่ทุกครอบครัวจับต้องได้ง่าย
ทั้งนี้ บริษัทมีการดีลกับคู่ค้าให้เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียวแบบ Exclusive ในไทย และประเทศข้างเคียงดังนั้น การร่วมงานแฟร์ระดับภูมิภาค จึงเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะได้ทำความรู้จักกับตลาดเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาด CLMV ให้เขาได้มาเห็นมาตรฐานของ Global brand ในงานที่จัดใกล้เคียงในประเทศไทยอีกด้วย
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปี 2565 บริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นราว 30-40% มาจากความนิยมเพิ่มขึ้นของแบรนด์ Nuna และ Joie รวมถึงบริการที่มีคุณภาพหลังการขาย ส่วนอีกหนึ่งด้านสำคัญ เกิดจากความพยายามในการสื่อสารให้ความรู้แก่ผู้บริโภคอย่างคุณพ่อคุณแม่ ถึงการใช้ของเล่นพัฒนาการให้ได้ประสิทธิภาพ หรือการใช้งานคาร์ซีท อย่างปลอดภัยที่สุด โดยไม่ได้มุ่งเน้นขายเพียงอย่างเดียว