'สตาร์ทอัพ' เฮ! กฎหมายเปิดทางบุคคล 2 คน จดทะเบียนตั้งบริษัทจำกัดมีผลบังคับแล้ว

รองโฆษกฯเผยกฎหมายเปิดทางบุคคล 2 คน จดทะเบียนตั้งบริษัทจำกัดมีผลบังคับแล้ว เอื้อเปิดกิจการขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพง่ายขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจระยะยาว

17 ก.พ.2566 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลดขั้นตอน อุปสรรคเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและทยอยมีผลบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่23) พ.ศ. 2565 ซึ่งมีสาระสำคัญในการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยหุ้นส่วนบริษัทได้เริ่มมีผลบังคับ โดยผลของกฎหมายจะเอื้อให้เกิดการก่อตั้งธุรกิจง่ายขึ้น มีความคล่องตัว ลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการดำเนินงาน สนับสนุนให้ภาคธุรกิจเป็นกลไกสำคัญสนับสนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 23)ฯ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 8 พ.ย. 65 กำหนดให้มีผลบังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 66 เป็นต้นมา ได้มีการปรับปรุงแก้ไขในหลายประเด็น อาทิ การลดจำนวนขั้นต่ำของผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทเป็น 2 คน จากเดิมที่กำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 3 คน ซึ่งเกณฑ์ในเรื่องนี้จะทำให้มีการจัดตั้งธุรกิจได้ง่ายเอื้อต่อการเกิดธุรกิจขนาดเล็กหรือวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) มากขึ้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กฎหมายยังมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกำหนดวิธีประชุมกรรมการให้สามารถดำเนินการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย ส่วนการส่งคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่นั้นได้กำหนดวิธีบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่เป็น 2 กรณี ตามชนิดใบหุ้น โดยกรณีผู้ถือหุ้นชนิดระบุชื่อมีการลดขั้นตอนการพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ ส่วนกรณีหุ้นชนิดผู้ถือ ได้กำหนดให้มีการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่หรือโฆษณาในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีบทบัญญัติที่เอื้อต่อความคล่องตัวอื่นๆ เช่น การกำหนดให้หนังสือบริคณห์สนธิสิ้นสุดลงในกรณีที่ไม่ดำเนินการจดทะเบียนตั้งบริษัทภายใน 3 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่ต้องการใช้ชื่อบริษัทชื่อเดียวกับบริษัทที่ได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธินั้น รวมถึงการกำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับการควบรวมบริษัทที่ให้สามารถรวมกันได้ใน 2 ลักษณะ คือ การควบบริษัท(รวมกันแล้วเกิดเป็นนิติบุคคลใหม่) กับ การผนวกบริษัท (บริษัทหนึ่งยังคงมีสภาพเป็นนิติบุคคล ส่วนบริษัทอื่นสิ้นสภาพนิติบุคคลไป) จากเดิมที่มีเฉพาะลักษณะการควบบริษัทเท่านั้น ซึ่งบทบัญญัติเรื่องนี้จะช่วยลดภาระให้ไม่ต้องมีการจดทะเบียนหรือดำเนินการส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับนิติบุคคลใหม่เมื่อต้องมีการควบรวมกิจการ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวด้วยว่า พร้อมกันนี้ ได้มีบัญญัติเพื่อคุ้มครองผู้ถือหุ้นโดยการกำหนดระยะเวลาในการจ่ายปันผลให้ต้องแล้วเสร็จภายใน 1 เดือนนับแต่วันประชุมใหญ่หรือกรรมการลงมติจากเดิมที่ไม่ได้มีการกำหนดไว้ ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ได้รับเงินปันผลมากขึ้น สำหรับผู้สนใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายสามารถคลิ๊กที่ลิงค์ดังนี้ เพื่อศึกษาในรายละเอียดต่อไป https://bit.ly/3kaj69E

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' เปิดสัมมนาความปลอดภัยทางถนนหวังอุบัติเหตุเป็นศูนย์!

'อนุทิน' เปิดสัมมนาวิชาการระดับชาติ ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 16 ย้ำความสำคัญ 'Situation awareness' ตื่นตัว ตระหนัก รับผิดชอบ ชี้ต้องทำอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ เพราะหนึ่งชีวิตก็เป็นเกรดเอฟแล้ว

'อนุทิน' ปลื้มผลงานศูนย์ดำรงธรรมเข้าตาชาวบ้าน!

'อนุทิน' ชื่นชมการทำงาน 'ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย' หลังผลสำรวจนิด้าโพลเผยประชาชนให้ความเชื่อมั่นสูงสุดเป็นหน่วยงานช่วยเหลือเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม เผยผลงานปี 67 ยุติเรื่องได้ถึง 99.43%

'ซาบีดา' ลุยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานมีฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ. อุทัยธานี

พรรคประชาชน เสียดายต้องถอนร่าง กม.ห้ามตีเด็ก เรื่องนี้รอไม่ได้แม้แต่วันเดียว

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สภาผู้แทนราษฎร

สภาฯเถียงกันวุ่น 'กฎหมายห้ามตีเด็ก' ก่อน กมธ.ยอมถอนร่างกลับไปทบทวนใหม่

ที่รัฐสภา มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ... ซึ่งมีนายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ ในวาระสอง

'อนุทิน' สั่ง ปภ.เกาะติดน้ำท่วมเหนือ-อีสาน

'อนุทิน' ห่วงใยพี่น้องประชาชนภาคเหนือ-อีสาน ประสบอุทกภัย เกาะติดทุกพื้นที่ใกล้ชิด พบ 7 จังหวัดยังมีน้ำท่วม จ.น่านมีระดับน้ำสูงขึ้น กำชับ ปภ. ประสานหน่วยเกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ