สนพ. เผย 9 เดือนยอดใช้พลังงานเพิ่มขึ้นแค่ 0.01% ชี้ภาคขนส่งใช้ลดลงกว่า 18%

สนพ. เผย 9 เดือน ยอดใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 0.01% คาดการณ์ทั้งปีโตแค่ 0.2% ใต้สมมติฐานน้ำมันดิบ 70 เหรียญฯ/บาร์เรล ชี้ภาคขนส่งใช้ลดลงกว่า 18.7% ด้านน้ำมันการใช้หดตัวจากมาตรการล็อกดาวน์

25 พ.ย. 2564 นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้พลังงานขั้นต้นในช่วง 9 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.2564) อยู่ที่ 2,008 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.01% จากการใช้ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน/ลิกไนต์ ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปี โดย สนพ.ประเมินแนวโน้มการใช้พลังงานขั้นต้นปี 2564 ทั้งปีจะอยู่ที่ 2,016 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้นตัวในช่วงต้นปี และการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยอยู่ที่31.9 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

สำหรับคาดการณ์การใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นปีนี้ประเมินจากการใช้ก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ถ่านหิน/ลิกไนต์ คาดเพิ่มขึ้น 8.1% ส่วนการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า คาดว่าเพิ่มขึ้น 15.4% การใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) ในภาคครัวเรือน คาดเพิ่มขึ้น 0.5% ภาคอุตสาหกรรมคาดเพิ่มขึ้น 10.9% และการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคาดเพิ่มขึ้น 24.2% ขณะที่ภาคขนส่งคาดว่ามีการใช้ลดลง 18.7% ขณะเดียวที่ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าจะมีการใช้เพิ่มขึ้น 1.6% และการใช้ไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% จากปีที่ผ่านมาตามการฟื้นตัวของการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ขณะที่การใช้น้ำมัน คาดลดลง 7.8% เป็นผลจากการยกระดับมาตรการล็อกดาวน์และการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในเดือนก.ค.2564

อย่างไรก็ตาม สนพ. ยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และปัจจัยอื่นๆ ที่จะส่งผลต่อการใช้พลังงานของประเทศอย่างใกล้ชิด เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก มาตรการในการป้องกัน โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง