ส.อ.ท.ปลื้มดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เพิ่มสูงสุดในรอบ 43 เดือน หนุนเอสเอ็มอีเข้มแข็ง พร้อมเสนอปรับค่าไฟงวด 2 ลดภาระ-ต้นทุนผู้ประกอบการ
16 ก.พ. 2566 – นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายสรกิจ มั่นบุปผชาติ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมเปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนม.ค. 2566 อยู่ที่ระดับ 93.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 92.6 ในเดือนธ.ค. 2565 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 43 เดือนนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2562 เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของค่าดัชนีฯ พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ
รวมถึงปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ ทั้งสินค้าคงทนและสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งอานิสงส์ของมาตรการช้อปดีมีคืน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 ช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายในประเทศ ตลอดจนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศของจีน ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวและทำให้จีนนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม อุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอลง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทย ขณะที่ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อเนื่องในปัจจัยด้านราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และการแข็งค่าของเงินบาททำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาสินค้าส่งออกของไทยลดลง
อย่างไรก็ตามส.อ.ท.ได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ให้ปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) งวดที่ 2 สำหรับเดือนพ.ค. – ส.ค. 2566 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนและลดต้นทุนการผลิตให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ที่ยังมีปัญหาสภาพคล่องและขาดเงินทุนหมุนเวียน และเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม ที่ได้เปรียบไทยเรื่องสิทธิทางภาษีต่างๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สถาบันอาหาร - ส.อ.ท. - สภาหอการค้าฯ ชี้ส่งออกอาหารไทยครึ่งปีแรก 67 โต 9.9% มูลค่า 8.5 แสนล้านบาท
สถาบันอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยการส่งออกสินค้าอาหารของไทย 6 เดือนแรกปี 2567 มีมูลค่า 852,432 ล้านบาท