คลังขยายเวลาลดเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาแบงก์รัฐ อีก 1 ปี

การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ในปี 2566 และการยุติการดำเนินการของกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้

15 ก.พ. 2566 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เห็นชอบ 1) การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ 2) การยุติการดำเนินการของกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

1) การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ลงกึ่งหนึ่ง ออกไปอีก 1 ปี จากร้อยละ 0.25 ต่อปี เป็นร้อยละ 0.125 ต่อปี (ร้อยละ 0.0625 ต่องวด) ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน สำหรับรอบการนำส่งเงินในปี 2566 ต่อเนื่องจากที่ปรับลดลงมา 3 ปี เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจและขอให้ส่งผ่านความช่วยเหลือและผ่อนปรนภาระให้กับลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนด้วย

2) การยุติกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (Corporate Bond Stabilization Fund) หรือกองทุน BSF เนื่องจากกองทุนตั้งขึ้นเพื่อเสถียรภาพและสภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แต่ปัจจุบัน มีความจำเป็นลดลงจากภาวะตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนทำงานได้เป็นปกติผู้ออกตราสารหนี้ส่วนใหญ่สามารถระดมทุนได้ตามจำนวนที่เสนอขาย ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความรุนแรงลดลง และรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดหลายด้านเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วยแล้ว

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า “กระทรวงการคลังได้กำชับให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดูแลและช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การยุติกองทุน BSF จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ และกระทรวงการคลังยังคงติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเพื่อดูแลทั้งภาคธุรกิจและภาคประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คลัง' ยัน 'เศรษฐา-พิชัย' ไม่ได้ทำผิด พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังฯ

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ขอชี้แจงกรณีข้อกล่าวหารัฐบาลปล่อยกู้โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND และโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (สินเชื่อซอฟท์โลน) โดยใช้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังแห่งรัฐ พ.ศ. 2561 (พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ) สองมาตรฐาน ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

'คลัง' คลอดใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา

ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank)

คลังโชว์ตัวเลขไตรมาส 1 รายได้ส่งคลังทะลุ 6.22 แสนล้าน

“คลัง” กางตัวเลขฐานะไตรมาส 1 ปีงบ 2567 รายได้นำส่งคลัง 6.22 แสนล้านบาท แผ่วกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 1.68 หมื่นล้านบาท โชว์เบิกจ่าย 9.63 แสนล้านบาท กู้ชดเชยขาดดุล 2 หมื่นล้านบาท ดันยอดเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2566 แตะ 2.09 แสนล้านบาท

'คลัง' โอดเศรษฐกิจ ธ.ค.66 ชะลอตัวกำลังซื้อทรุด

“คลัง” โอดเศรษฐกิจไทยเดือน ธ.ค. 2566 ชะลอตัว หลังดัชนีอุตสาหกรรมดิ่ง จากกำลังซื้อประชาชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ การบริโภค-ลงทุนเอกชนชะลอ ปลื้มส่งออกโต 4.7% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

‘คลัง’ รับมึนเอกสารหลุดสั่งทำหนังสือชี้แจง ชี้จีดีพีไทยปีนี้โตแค่ 2.8%

“คลัง” ยันเศรษฐกิจไทยปี 2566 โตจริงที่ 1.8% แจงไตรมาส 4 แผ่วสุดที่ 1.4% ก่อนทยอยฟื้นตัวปี 2567 ที่ 2.8% รับมึนเคสเอกสารหลุด ระบุไม่รู้หลุดได้อย่างไร ด้าน “ปลัดคลัง” สั่งทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง

ดัชนีเชื่อมั่นเศรษฐกิจภูมิภาค ธ.ค.ฟื้นตัวดี รับอานิสงส์ไฮซีซั่น กังวลภัยแล้ง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค