ก.ล.ต. เผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 5 ราย กรณีขายหุ้นบริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (DCON) หลังเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน และกรณียินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน ปรับเป็นเงินรวม 2,983,040 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
7 ก.พ. 2566 – รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติม พบการกระทำเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการขายหุ้นโดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในของบุคคล 5 ราย เมื่อปี 2560 โดย นายวิทวัส พรกุล เป็นประธานกรรมการบริหาร กรรมการผู้จัดการ และกรรมการ บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (DCON) ของ DCON และนายชนะ โตวัน เป็นรองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการของ DCON ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ของ DCON ที่มีกำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากรายได้จากการดำเนินงานลดลงและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองค่าเผื่อการด้อยค่าเครื่องจักรที่ไม่ได้ใช้งานและการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2559 ในสัดส่วนที่ลดลงจากการจ่ายในหลายปีที่ผ่านมา โดยบุคคลทั้งสองได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในดังกล่าวจากการประชุมคณะกรรมการและ/หรือหารือที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นนายวิทวัสได้ขายหุ้น DCON ของตนเองผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในชื่อ นางสาววิศรา พรกุล ส่วนนายชนะได้ขายหุ้น DCON ของตนเองผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในชื่อนางสาวอริสรา โตวันและนางสาวอสมา โตวัน ก่อนที่ DCON จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานประจำปี 2559 และการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2559 ต่อตลท. เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2560 ทำให้นายวิทวัสและนายชนะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมูลค่าหุ้น DCON ที่มีราคาลดลงภายหลังจากที่ DCON ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลท.
อย่างไรก็ตาม การกระทำของนายวิทวัสและนายชนะดังกล่าวข้างต้นเป็นความผิดฐานขายหุ้น DCON โดยอาศัยข้อมูลภายใน ส่วนการกระทำของนางสาววิศรา นางสาวอริสรา และนางสาวอสมา เป็นความผิดฐานยินยอมให้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อปกปิดตัวตนของนายวิทวัส หรือนายชนะ ทั้งนีั คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 5 ราย โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์
สำหรับนายวิทวัส ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินรวมทั้งสิ้น 1,729,268 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน ส่วนนายชนะ ชำระค่าปรับทางแพ่ง รวม 1,041,123 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน ด้านนางสาววิศรา นางสาวอริสรา และนางสาวอสมา ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้นรายละ 70,883 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 4 เดือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วิกฤต EA 'พิชัย' สั่งตรวจเข้ม หลักเกณฑ์การให้เรทติ้งหุ้น ThaiESG
"พิชัย" รมว.คลัง สั่งทบทวน หลักเกณฑ์การให้เรทติ้งหุ้น ThaiESG หลังเกิดกรณี บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ย้ำเมื่อปัญหาเกิดต้องเร่งแก้ไข ด้านก.ล.ต. ยันการลงทุนของกองทุน ThaiESG ทุกกองทุนยังเป็นไปตามเกณฑ์การ กระจายการลงทุน
ก.ล.ต. เตือนประชาชนระวังใช้บริการ 'โบรกฯเถื่อน' หลอกลงทุนโทเคนดิจิทัล
ก.ล.ต. เตือนประชาชนให้ระมัดระวังการใช้บริการกับผู้ให้บริการด้านการลงทุนที่ไม่ได้รับอนุญาต และการหลอกลวงให้ลงทุนผ่านช่องทางต่าง ๆ