IRPC เปิดแผนธุรกิจ วางงบ 5 ปี 4.3 หมื่นล้านบาท พร้อมรุกธุรกิจนิว เอส-เคิร์ฟ

IRPC เปิดแผนธุรกิจ วางงบ 5 ปี 4.3 หมื่นล้านบาท ต่อยอดธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมรุกธุรกิจนิว เอส-เคิร์ฟ ตั้งเป้าปี 65 รายได้ทิศทางดี ลั่นอยู่ระหว่างดีลซื้อกิจการ 2 ราย คาดชัดเจน Q1/65 ตั้งเป้า EBITDA มากกว่า 20,000 ล. ในปี 2568

24 พ.ย. 2564 นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยภายในงาน “Approaches on the new journey” ว่าบริษัทวางงบลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี65-69) ไว้ประมาณ 43,000 ล้านบาท โดยได้กำหนดกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ด้วยการพัฒนาและขยายธุรกิจที่มีความชำนาญไปยังห่วงโซ่คุณค่าใกล้เคียงของธุรกิจ และการแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ ได้แก่ การต่อยอดการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจในปัจจุบัน , การลงทุนในกลุ่มธุรกิจข้างเคียง) และการสร้างธุรกิจใหม่

รวมถึงการขยายการลงทุนต่อยอดธุรกิจเดิม และการแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้การร่วมมือลงทุนกับพันธมิตรและการเข้าซื้อกิจการ (M&A) รวมถึงการสร้างธุรกิจใหม่ที่บริษัทยังไม่เคยดำเนินการ โดยคาดว่างบลงทุนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นการใช้สำหรับธุรกิจใหม่สัดส่วนกว่า 35-40% นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมงบสำรองอีกกว่า 20,000 ล้านบาท สำหรับใช้ในโครงการขนาดใหญ่ๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) มากกว่า 20,000 ล้านบาท ในปี 2568

ขณะที่แผนธุรกิจในปี 65 บริษัทคาดว่ารายได้และอัตราผลกำไรจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากคาดว่าปริมาณการกลั่นปิโตรเลียมจะใกล้เคียงปีนี้ที่ระดับ 1.85-1.9 แสนบาร์เรลต่อวัน แม้อาจมีกำหนดการที่จะปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นตามแผน 5 ปีในไตรมาส 3-4/65 ขณะที่ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าจะยังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสเปรดธุรกิจน้ำมันคาดว่าจะดีขึ้นเช่นกัน หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายและมีการเปิดประเทศมากขึ้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 65-68 เหรียญต่อบาร์เรล และค่าการกลั่น (GIM) จะอยู่ที่ระดับ 13-14 เหรียญต่อบาร์เรล

“งบลงทุนปีหน้าบริษัทเตรียมไว้ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการสำหรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ประมาณ 35-40% หรือมูลค่าราว 8,000 ล้านบาท และใช้ลงทุนโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 5 (UCF) ประมาณ 6,000 ล้านบาท และที่เหลือใช้ในการซ่อมบำรุงและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตต่างๆ”นายชวลิต กล่าว

นายชวลิต กล่าวว่าปัจจุบันอยู่ระหว่าง M&A อยู่จำนวน 2 ราย ซึ่งในส่วนของดีลแรกอยู่ระหว่างการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะทางธุรกิจ (ดิวดิลิเจนท์) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในช่วงไตรมาส 1/65 และอีก 1 โครงการอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาพอสมควร โดยในส่วนของงบลงทุน M&A บริษัทวางไว้ประมาณ 8,000 ล้านบาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

IRPC ชูแบรนด์ “POLIMAXX” ผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PP ไทยรายแรก ได้การรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมระดับโลก UL พร้อมจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ร่วมกับ Milliken

(วันที่ 4 ก.ค. 67) คุณวนิดา อุทัยสมนภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ พาณิชยกิจและการตลาด บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า เป็นความภาคภูมิใจของ IRPC

IRPC คว้ารางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2024 และ รางวัล ESG Champion of Asia - Gold Emblem of Sustainability

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 นางสาวชนิดา สัณหกร ผู้จัดการอาวุโส และ นางสาวชลียา ชัยวัฒนา เจ้าหน้าที่อาวุโส บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)

IRPC ได้รับการจัดอันดับจาก TRIS Rating ระดับ “A-”

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 ทริสเรทติ้ง (TRIS) ได้แจ้งผลเป็นทางการสำหรับการจัดอันดับเครดิตเรทติ้งของ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) โดยมีอันดับเครดิตองค์กร ที่ระดับ

IRPC จับมือ ม.แม่ฟ้าหลวง ร่วมวิจัยพัฒนาวัสดุทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 นายอนุชา สมจิตรชอบ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์นวัตกรรมไออาร์พีซี บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และ ศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา วงศ์เกษมจิตต์

“วชิรแล็บเพื่อสังคม” ก้าวสู่มาตรฐานระดับชาติ ได้การรับรอง มอก. สาขาการทดสอบวัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์

นายอนุชา สมจิตรชอบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท “วชิรแล็บเพื่อสังคม” จำกัด (วชิรแล็บ) ห้องปฏิบัติการเอกชนแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้ใบรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน มอก.

IRPC คว้ารางวัลความยั่งยืน Top 10% S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) Score 2023

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับ “Top 10% S&P Global Corporate Sustainability Assessment Score 2023” และสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI)