กทพ. นัดเอกชน 13 ราย ถกก่อนยื่นข้อเสนอประมูลทางด่วนกะทู้-ป่าตอง

กทพ. นัดถกเอกชนไทย-เทศ 13 ราย รับทราบข้อมูลรายละเอียดโครงการทางด่วน “กะทู้-ป่าตอง” วงเงิน 1.4 หมื่นล้าน ปักหมุด 10 ก.พ. เตรียมพาลงพื้นที่ ก่อนเปิดให้ยื่นข้อเสนอ 7 เม.ย.นี้ คาดลงนามสัญญากับผู้ชนะประมูล ธ.ค.66

31 ม.ค.2566-นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า ได้ประชุมก่อนการยื่นข้อเสนอของเอกชน(Pre-bid Meeting) โครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต เพื่อให้เอกชนรับทราบข้อมูลรายละเอียดของโครงการอย่างรอบด้าน รวมทั้งเข้าใจรายละเอียดการจัดทำข้อเสนอได้อย่างถูกต้อง และครบถ้วน พร้อมทั้งตอบข้อสงสัย เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเอกชนยื่นซองข้อเสนอต่อไป โดยมีบริษัทเอกชนทั้งไทย จีน และฝรั่งเศส สนใจซื้อเอกสาร และเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ 13 ราย ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญากับบริษัทผู้ได้รับคัดเลือกในเดือน ธ.ค.2566

สำหรับการประชุมก่อนการยื่นข้อเสนอของเอกชนฯ ครั้งนี้ ได้นำเสนอถึงความเป็นมาของโครงการฯ ที่ระบุว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 18 ม.ค.2565 อนุมัติให้ กทพ. ดำเนินงานโครงการทางพิเศษสายกะทู้–ป่าตอง จ.ภูเก็ต โดยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ในรูปแบบ PPP Net Cost ภาครัฐรับผิดชอบการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ขณะที่ภาคเอกชนรับผิดชอบการออกแบบรายละเอียดและการก่อสร้าง (รวมถึงค่าควบคุมงาน) และการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บรายได้ค่าผ่านทางทั้งหมด

ทั้งนี้เอกชนต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ลงทุนทั้งหมดให้แก่ภาครัฐก่อนเริ่มเปิดบริการในลักษณะของ BTO (Build-Transfer-Operate) มีระยะเวลาร่วมลงทุนรวม 35 ปี นับจากวันที่ กทพ. มีหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed) โดยแบ่งขอบเขตความรับผิดชอบระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การออกแบบและก่อสร้าง ระยะเวลาไม่มากกว่า 4 ปี นับจากวันที่ กทพ. มีหนังสือแจ้งให้เริ่มปฏิบัติงาน และระยะที่ 2 การดำเนินงานและบำรุงรักษา ระยะเวลานับจากสิ้นสุดระยะเวลาสำหรับงานในระยะที่ 1 โดยมีระยะเวลารวม ทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ไม่มากกว่า 35 ปี

สำหรับมูลค่าเงินลงทุนโครงการรวม 14,670.57 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 5,792.24 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง (รวมค่าควบคุมงาน) 8,878.33 ล้านบาท คาดการณ์ปริมาณจราจร ณ ปีเปิดให้บริการ ประมาณ 71,000 คัน/วัน (รถยนต์ 36,000 คัน/วัน รถจักรยานยนต์ 35,000 คัน/วัน) ผลตอบแทนด้านการเงิน NPV 1,734.37 ล้านบาท Equity IRR เป้าหมาย 8.50% B/C Ratio 1.12 เท่า Payback Period 21 ปี โครงการนี้มีความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ มีอัตราผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 20.44%

นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากจะจัดให้มีการจัดประชุมก่อนการยื่นข้อเสนอของเอกชนในครั้งนี้แล้ว ในวันที่ 10 ก.พ.2566 กทพ. จะเชิญภาคเอกชนทั้ง 13 ราย เยี่ยมชมพื้นที่ก่อสร้างโครงการฯ ที่ จ.ภูเก็ต ด้วย เพื่อให้เอกชนได้รับทราบข้อมูลรายละเอียดของโครงการอย่างรอบด้าน รวมทั้งเข้าใจรายละเอียดการจัดทำข้อเสนอได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน พร้อมทั้งตอบข้อสงสัยในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเอกชนยื่นซองข้อเสนอในวันที่ 7 เม.ย.2566 และลงนามสัญญากับภาคเอกชนที่ร่วมลงทุนได้ภายในเดือน ธ.ค.2566

สำหรับโครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจากอำเภอกะทู้ไปยังหาดป่าตอง และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับคนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยโครงการฯ จะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาการจราจร และอุบัติเหตุบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4029 รวมทั้งสามารถใช้เป็นเส้นทางอพยพกรณีเกิดภัยพิบัติอีกด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างโครงการนี้ได้ในช่วงปี 2566-2570 และจะสามารถเปิดให้บริการได้ทันการจัดงาน Specialised Expo 2028 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย.2571

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ศรชล.ภาค 3' ปฏิบัติภารกิจด่วนช่วยลูกเรือปานามา ป่วยฉุกเฉินกลางทะเลอันดามัน

'ศรชล.ภาค 3' ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลูกเรือสินค้าปานามา ป่วยฉุกเฉินกลางทะเลอันดามัน เร่งนำขึ้นฝั่งส่งตัวรักษาโรงพยาบาลภูเก็ต

'ทักษิณ' ยอมรับแล้ว! ดอดพบ 'อันวาร์' บนเรือยอชต์กลางทะเล

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวสะพัดขึ้นเรือยอชต์จาก จ.ภูเก็ต ไปเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อพูดคุยกับนายอันวาร์ อิบราฮิม

จับ 'หนุ่มออสเตรีย' ขับเจ็ตสกี ชนนักท่องเที่ยวรัสเซียดับ

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา สภ.กะรน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567 เวลาประมาณ 19.00 น. สถานีตำรวจภูธรกะรน

'ในหลวง-พระราชินี' เสด็จฯ ไปงานแข่งขันเรือใบ 'ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า'

เมื่อเวลา 07.09 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขันเรือใบนานาชาติ