โฆษกรัฐบาล เผย รัฐเดินหน้าพัฒนา 'ระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐ' พร้อมใช้งานแล้ว ครอบคลุม 23 หน่วยงาน มากกว่า 730 รายการ สะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุนการทำธุรกรรม
27 ม.ค.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกรมบัญชีกลาง เดินหน้าพัฒนาระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐ (e-Payment Portal of Government) ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมหน่วยงานที่มีสำนักงานในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เพื่อเพิ่มช่องทางการให้บริการรับชำระเงินจากประชาชนหรือภาคธุรกิจแก่ส่วนราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ การดำเนินการเพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินกลางนี้ เป็นไปตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการรับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (National e-Payment Master Plan) เพื่อผลักดันระบบการชำระเงินของประเทศไทยให้เข้าสู่ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร
นายอนุชา กล่าวว่า ระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐ เป็นระบบกลางในการรับชำระเงินรายได้ หรือเงินอื่นจากประชาชนหรือภาคธุรกิจให้แก่ส่วนราชการ ซึ่งกรมบัญชีกลางเริ่มให้บริการมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนราชการสามารถออกใบแจ้งการชำระ (Bill Payment) เพื่อให้ผู้รับบริการ นำไปชำระเงินผ่านช่องทางที่กำหนด เช่น Mobile Banking และ Internet Banking หรือชำระเงินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต และเมื่อผู้รับบริการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ระบบจะออกใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ให้แก่ผู้รับบริการ โดยระบบจะรับและนำส่งเงินรายได้ดังกล่าวเข้าบัญชี เงินคงคลัง พร้อมทั้งบันทึกบัญชีในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ (New GFMIS Thai)
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบฯ ให้ครอบคลุมหน่วยงานที่มีสำนักงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 23 หน่วยงาน ให้บริการในระบบฯ มากกว่า 730 รายการ อาทิ ค่าธรรมเนียมมัดจำรังวัด ค่าธรรมเนียมโรงงาน และค่าจดทะเบียนการค้า เป็นต้น นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางมีแผนขยายผลการใช้งานระบบฯ ให้แก่ส่วนราชการเพิ่มเติมในระบบการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ (Biz Portal) ด้วย ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจ สามารถใช้บริการระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐ ได้ที่เว็บไซต์ https://epayment.cgd.go.th/ หรือหากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กรมบัญชีกลาง 0-2127-7551
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงานภาครัฐและการบริการสาธารณะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดต้นทุนในการทำธุรกรรมระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชน รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทางการเงินการคลังของส่วนราชการให้มีความถูกต้อง รวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ เป็นการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินในทุกภาคส่วน ตลอดจนจะเป็นโอกาสเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ยกระดับศักยภาพระบบธุรกรรมทางการเงินและกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทย” นายอนุชา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จุลพันธ์' ยันไม่ให้เงิน 'กรมบัญชีกลาง 'เป็นอุปสรรค แก้ปัญหา PM 2.5 พร้อมหนุนเต็มที่
'จุลพันธ์' ยัน จะไม่ให้เงินของ กรมบัญชีกลาง เป็นอุปสรรค แก้ปัญหา PM 2.5 ย้ำ รัฐบาล' ให้ความสำคัญ คือการส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือ บอก ไม่ต้องกังวลเรื่องงบขาดพร้อมสนับสนุนเต็มที่
กรมบัญชีกลางประเมิน DAD ตรวจสอบภายในภาครัฐระดับดี
ปลื้ม..กรมบัญชีกลาง ประเมิน DAD ขึ้นแท่นหน่วยงานระดับดีภาครัฐ รับมอบประกาศเกียรติคุณการประกันคุณภาพงานตรวจสอบภายในภาครัฐจากภายนอกองค์กร ประจำปี 2566
ประเดิมวันแรก! สแกนใบหน้า ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อให้การรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐจากแอปพลิเคชันถุงเงินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและโปร่งใส