‘คมนาคม’เปิดผลสอบเปลี่ยนป้าย ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’ 33 ล้าน คณะกรรมการตรวจสอบฯ ชี้ รฟท.ดำเนินการตามขอบเขตงาน-ราคากลางกรอบปี 53 ลั่นไม่พบความผิดปกติ สั่งแจ้งทบทวนการใช้วัสดุ-ตัวอักษรเดิมที่ใช้ได้ ช่วยหั่นต้นทุนลง พร้อมสืบราคาให้ชัดเจน แนะเปิดประมูลทั่วไป เปิดกว้างเอกชนแข่งขัน โยนบอร์ด รฟท. เคาะแนวทางเดินหน้างานต่อไป
24 ม.ค.2566-นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยว่า ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้มีการประชุมมาแล้ว 3 ครั้ง ในการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบและรอบด้านใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.เรื่องของความเหมาะสม ของขอบเขตงานและราคากลาง และ 2.ความถูกต้องของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงนั้น
ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มีการจัดจ้างโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีตามที่ได้รับพระราชทานนาม โดยวิธีจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง มูลค่างาน 33 ล้านบาท โดยแบ่งงานออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย 1.งานโครงสร้างวิศวกรรม 2.งานสถาปัตยกรรม 3.งานออกแบบรายละเอียดพร้อมรายการคำนวณ และ 4.งานเผื่อเลือก
นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยในเรื่องความเหมาะสมของขอบเขตงานและราคากลางนั้น ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งการกำหนดขอบเขตงานโดยอ้างอิงจากการดำเนินงานเดิมที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2553 และการกำหนดราคากลางของคณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตงานและกำหนดราคากลาง ในส่วนของค่าวัสดุ และค่าแรง ซึ่งมีที่มาจากการสืบราคาของที่ปรึกษา CSC
โดยจากการพิจารณาเอกสารหลักฐาน ตลอดจนการชี้แจงของ รฟท. ทั้งที่เป็นการชี้แจงด้วยวาจา และเอกสารประกอบการนำเสนอ สรุปได้ว่าการกำหนดขอบเขตงาน ซึ่ง รฟท. อ้างอิงแบบโครงสร้าง รายละเอียด เทคนิควิธีการ และวัสดุจากงานที่กำหนดไว้เดิม ผลการตรวจสอบ ไม่พบการดำเนินการที่เชื่อได้ว่า รฟท. ดำเนินการ นอกเหนือจากขอบเขตงานแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นไปตามรายละเอียดของงานติดตั้งป้ายเดิม ที่ รฟท. ได้รายงานว่ามีการตรวจสอบและรับรองทางวิศวกรรม รวมทั้งมีการติดตั้งไปแล้ว ซึ่งปรากฏว่า มีความปลอดภัยและแข็งแรงตามมาตรฐาน ดังนั้น การกำหนดขอบเขตการดำเนินการ และการกำหนดราคากลางของ รฟท. ของการดำเนินโครงการครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพที่สามารถตรวจสอบได้
นายสรพงศ์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการฯ มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม โดย รฟท. อาจทบทวนเพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพ และประหยัดงบประมาณของ รฟท. ให้ได้มากที่สุด เช่น ทบทวนรายละเอียดทั้งในส่วนของวัสดุ เทคนิค ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทำให้การออกแบบ เลือกใช้วัสดุ และวิธีการจัดทำ และติดตั้งป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อในครั้งนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า หรือมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการจัดทำ เทียบกับติดตั้งป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อในครั้งก่อน ทบทวนค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน และจำนวนและเวลาที่ใช้งานของกระเช้าอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน รฟท. อาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ตัวอักษรเดิม “สถานีกลาง” ที่ติดตั้งอยู่ในปัจจุบัน มาปรับปรุงเพื่อใช้ติดตั้งแทนที่จะทำขึ้นใหม่ทั้งหมด เนื่องจากตัวอักษรยังอยู่ในสภาพยังดี และสามารถนำมาปรับปรุงเหมือนกับตัวอักษรใหม่ได้ รวมทั้งอาจทบทวนค่างานออกแบบ ที่น่าจะสามารถกำหนดอัตราส่วนของราคางานได้ต่ำกว่างานปกติ เนื่องจากเป็นงานที่ได้ออกแบบไว้เดิมอยู่แล้ว อีกทั้ง การทบทวนงานเผื่อเลือก ที่อาจสามารถปรับลดได้ เช่น การทบทวนความจำเป็นที่จะต้องมีวัสดุมาปิดไว้ทดแทนกระจกในขณะที่มีการรื้อถอน เนื่องจากงานดำเนินการในช่วงฤดูหนาว และอาคารสถานีบางส่วนเป็นพื้นที่ที่ไม่มีกระจกอยู่แล้ว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า จะช่วยลดงบประมาณในการดำเนินการได้
นายสรพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนประเด็นความถูกต้องของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง
การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงในครั้งนี้นั้น รฟท. ได้อ้างเหตุผลของการจ้างด้วยเหตุตามนัยมาตรา 56 (2) (ค) แห่ง พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ พ.ศ. 2560 ที่กำหนดไว้ว่าเป็น “การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่มีผู้ประกอบการซึ่งมีคุณสมบัติโดยตรงเพียงรายเดียว หรือการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุจากผู้ประกอบการซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือตัวแทนผู้ให้บริการโดยชอบด้วยกฎหมายเพียงรายเดียวในประเทศไทยและไม่มีพัสดุอื่นที่จะใช้ทดแทนได้”
ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบฯ จึงต้องพิจารณาตรวจสอบว่าการจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงของ รฟท. เป็นไปตามเหตุผล และหลักการของมาตรา 56 (2) (ค) แห่ง พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ พ.ศ. 2560 หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบฯ เห็นว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของ รฟท. ตามนัยมาตรา 56 (2) (ค) แห่ง พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ พ.ศ. 2560 แม้จะเป็นการใช้ดุลยพินิจตีความระเบียบกฎหมายในกรอบอำนาจหน้าที่โดยอาศัยเหตุและผลความจำเป็นตามที่เข้าใจ และ รฟท. ได้ชี้แจงมาข้างต้นไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม
โดยสมควรหารือผู้เชี่ยวชาญด้านพัสดุกรมบัญชีกลางให้ชัดเจน นอกจากนี้ รฟท. ควรศึกษาทบทวนวิธีการจัดซื้อจัดจ้างให้เหมาะสม รอบคอบ และสอดคล้อง กับ พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ พ.ศ. 2560 โดยอาจพิจารณาแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างตามหลักการของกฎหมาย ที่เห็นควรให้ใช้วิธีการพิจารณาเลือกใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปเป็นลำดับแรกก่อน เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเปิดกว้าง
ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นถึงความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของประชาชน นอกจากนี้ เห็นควรให้ รฟท. พิจารณาทบทวนตรวจสอบกระบวนการสืบราคาให้เกิดความครบถ้วนชัดเจน และดำเนินการให้สอดคล้องกับคู่มือแนวทางการประกาศรายละเอียดข้อมูลราคากลางและการคำนวณราคากลางเกี่ยวกับการขอจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค 0433.2/ว 206 ลงวันที่ 1 พ.ค. 2562 ตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภายใน 1-2 วันนี้ คณะกรรมการตรวจสอบฯ จะส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยัง รฟท. พร้อมทั้งข้อแนะนำในการดำเนินงาน ส่วน รฟท. จะดำเนินการตามข้อแนะนำของคณะกรรมการตรวจสอบฯ หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ขณะเดียวกัน รฟท. จะต้องรายงานผลการทบทวน และข้อสรุปตามข้อแนะนำมายังคณะกรรมการตรวจสอบฯ และกระทรวงคมนาคมโดยเร็วที่สุดอีกครั้งต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สุริยะ' ย้ำที่เขากระโดงเป็นของรฟท. ส่วนที่ดินอัลไพน์ ยันไม่ผิดกฎหมาย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าภายหลังการรถไฟ