
สุริยะ สั่ง กรมโรงงานฯ เร่งเครื่อง อบรมเจ้าหน้าที่ กทม. พร้อมเป็นพี่เลี้ยงในการถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจำพวกที 1 และ 2 เน้นทำงานได้จริง สอดคล้องนโยบายใหม่กระทรวงอุตฯ
24 ม.ค. 2566 – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าได้ กำชับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) อบรมเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต เน้นการลงมือปฏิบัติงานจริง โดยบูรณาการกับหลักทฤษฎีที่ได้เรียนรู้ เพื่อให้การถ่ายโอนภารกิจกำกับโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 ให้ กทม. เป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพตามที่กฎหมายกำหนด ลดความขัดแย้ง สร้างความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้ประชาชน สอดคล้อง “MIND ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน”
นายสุริยะ กล่าวว่ากระทรวงได้รับนโยบายรัฐบาลในการถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมถึงกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ อปท. และ กทม. ควบคุมดูแลกิจการโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 และรับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 ตลอดจนตรวจสอบกรณีโรงงานก่อเหตุเดือดร้อนในพื้นที่ โดยได้แต่งตั้งข้าราชการของ อปท. เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน
“เราได้กำชับให้กรอ. ให้การสนับสนุนด้านคำปรึกษาแนะนำแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของ อปท. และ กทม. ให้ปฏิบัติภารกิจได้ถูกต้อง เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามกฎหมาย สามารถบริการด้านการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 ได้อย่างถูกต้อง เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้ประชาชน มุ่งสู่การปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่ สอดคล้องแนวทางนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ปี 2566”นายสุริยะ กล่าว
ด้าน นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดี กรอ. กล่าวว่าได้มอบหมายให้กองพัฒนาระบบมาตรฐานงานกำกับโรงงาน เป็นพี่เลี้ยงในการถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 ให้แก่ กทม. ซึ่งในช่วงเดือนธ.ค. 2565 – เดือนม.ค. 2566 กรอ.ได้สนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับ กทม. ภายใต้โครงการ “กรุงเทพฯ เมืองแห่งสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด ปลอดภัย” โดยร่วมเป็นวิทยากรเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ บูรณาการความเข้าใจในการตรวจสอบการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 รวมทั้งการรายงานผลการตรวจตามแบบตรวจ
และขั้นตอนวิธีการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับใหม่ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ครอบคลุมพื้นที่ 6 กลุ่มเขต ประกอบด้วย กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง 9 เขต กลุ่มเขตกรุงธนใต้ 7 เขต กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ 8 เขต กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ 10 เขต กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ 7 เขต และกลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก 9 เขต รวมทั้งสิ้น 50 เขต เน้นการลงมือปฏิบัติงานจากการประยุกต์ใช้สถานการณ์จริงกับหลักการทฤษฎีที่ได้เรียนรู้ (On The Job Training) เพื่อให้สามารถทำงานได้จริงและถูกต้อง โดยมีการสรุปและนำเสนอผลการประชุมเชิงปฏิบัติการจาก 6 กลุ่มเขต เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2566 ณ โรงแรมแกรนด์ฟอร์จูน เขตดินแดน กรุงเทพฯ ปรากฏผลทุกกลุ่มเขตได้ผ่านเกณฑ์การประเมิน 80% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
นายจุลพงษ์ กล่าวว่า กรอ. ยังคงเดินหน้าเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ กทม. เพื่อการถ่ายโอนภารกิจด้านการกำกับดูแลโรงงานจำพวกที่ 1 และ 2 โดยที่ผ่านมา ได้จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ อปท. ในภารกิจตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ e-learning ของกระบวนงานต่าง ๆ และยังได้เตรียมความพร้อมจัดการฝึกอบรมเพิ่มเติมในปีถัดไป อาทิ การควบคุมดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและด้านความปลอดภัย เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตามกฎหมายได้จริงและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดขุมทรัพย์ แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ‘จุลพันธ์’ 86 ล้าน ‘สุริยะ’ รวยจริง 1.6 พันล. ซื้อเครื่องบิน 30 ล้าน
-สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำ
พท. ตีปี๊บ! 'ยศชนัน' เรตติ้งพุ่ง นำทัพ กทม. สมัคร 27 ธ.ค.
'ประเสริฐ' เชื่อ 'ยศชนัน' ดึงคะแนนคนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครได้ เตรียมเปิดตัว สส. ทั้ง 500 คน 25 ธ.ค. เคลียร์ปม 'จาตุรนต์' ลาออกปธ.ยุทธศาสตร์
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม
'สุริยะ' รับ 'สุวัจน์' หอบลูกพรรคร่วมทัพเพื่อไทย แต่ไม่เอา 'แจ้'
'สุริยะ' รับ 'สุวัจน์' นำลูกพรรคร่วมทัพเพื่อไทย เสริมแกร่งโคราช 3 เขต เผยกำลังวางยุทธการให้ 'ยศชนัน' ลงปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่
เพื่อไทย ชูเครือญาติ 'ชินวัตร' นั่งแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1
"เพื่อไทย ชู "ยศชนัน" นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ชี้ไม่เป็นปัญหาถูกมองหนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร ลั่นเป็นโอกาส-จุดเด่น รับเป็นหน้าใหม่การเมือง เชื่อเวลา 2 เดือน ชนะใจปชช.ได้ พร้อมยัน ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา” ด้าน “สุริยะ” ยังมั่นใจ ถึงเป้า 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ประกาศพร้อมฝ่าด่านอำนาจรัฐ กระสุน กระแสชาตินิยม สู่ชัยชนะด้วยนโยบาย

