“กองสลาก” ขึงเป้าขายหวยดิจิทัล 50 ล้านใบ ภายใน 3 ปี แจงขยับเพิ่มปีละ 10 ล้านใบ ใช้แนวทางตัดสิทธิ์ผู้ซื้อ-จองและขายต่อให้แพลตฟอร์มเอกชน พร้อมหั่นโควตาสลากเหลือ 3 เล่ม จาก 5 เล่ม
20 ม.ค. 2566 – นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมกรรมการสลากฯ เห็นชอบแนวทางการเพิ่มสลากดิจิทัล ผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตัง ในปี 2566 เป็น 30 ล้านใบ และในระยะ 3 ปี จะทยอยเพิ่มขึ้น โดยปี 2567 อยู่ที่ 40 ล้านใบ และปี 2568 อยู่ที่ 50 ล้านใบ ทำให้สลากในระบบทั้งหมดเป็นแบบใบ 50 ล้านใบ และดิจิทัล 50 ล้านใบ โดยคาดว่าจะมีคนซื้อ เพิ่มขึ้นจาก 1.8 ล้านคน เป็น 2-3 ล้านคน ซึ่งจากนี้จะต้องสร้างความรับรู้ ให้คนซื้อ และ คนขายว่ามีข้อดีอย่างไรที่สลากมาอยู่ในระบบเป๋าตัง
สำหรับวิธีการเพิ่มสลากดิจิทัลจากนี้ มาจาก 4 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การดำเนินการตัดสิทธิ์ในระบบจอง-ซื้อ ที่ขายเกินราคา รวมทั้งขายส่งให้แพลตฟอร์มเอกชน ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 1 หมื่นราย ซึ่งสำนักงานสลาก จะตรวจสอบทั้งต้นทางแพลตฟอร์มเอกชนว่ารับสลากมาจากที่ใดก็จะตัดสิทธิ์เลย และอีกทางคือ สลากที่นำมาขึ้นเงินรางวัล ก็จะตรวจสอบไปยังต้นทางว่า สลากเป็นของใคร
2.การสมัครใจ ซึ่งสำนักงานจะกำหนดกติกาใหม่ตั้งแต่งวดวันที่ 1 เม.ย.2566 ผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อ-จองจะลดจำนวนลงจาก 5 เล่มเหลือ 3 เล่ม เพื่อให้เพียงพอต่อผู้ที่มากดซื้อ-จอง ครอบคลุมมากขึ้น ตอบโจทย์ว่ากดจอง-ซื้อ ไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ถ้าเห็นว่า 3 เล่มไม่เพียงพอ ผู้มีสิทธิ์สามารถเข้าร่วมสมัครใจขายสลากดิจิทัล ก็จะได้ 5 เล่ม เหมือนเดิม
3.แนวทางจำหน่ายสลากแบบ 6 หลัก หรือ แอล 6 ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างเสนอกระทรวงการคลัง ดูความครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้สลากแบบเดิมไม่ต้องพิมพ์เป็นใบ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นดิจิทัลเพิ่มได้ ดูตามจำนวนความเหมาะสม และ 4.กลุ่มโควตาต้องเรียนรู้ปรับตัวมาขายแบบดิจิทัล ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีสัญญา สิ้นสุด ธ.ค.2566 ให้มอบหมายให้คณะกรรมการจัดสรรสลากไปดำเนินการนำกลุ่มนี้ทยอยเข้ามาอยู่ในระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้น
นายลวรณ กล่าวว่า สำนักงานได้ติดตามผลดำเนินงานสลากดิจิทัล ที่ผ่านมา 15 งวด ล่าสุดอยู่ที่ 17 ล้านใบ ผู้ซื้อให้ผลการตอบรับดีขึ้นเรื่อย ๆ ใช้เวลาขายเร็วขึ้น อยู่ที่เฉลี่ย 10 วันต่องวด จำหน่ายหมด ซึ่งคาดว่ามาจากการที่ผู้ซื้อคุ้นชินกับการซื้อมากขึ้น มีจำนวนผู้ซื้อ 1.8 ล้านคนซื้อต่องวด มีคนใหม่ประมาณ 2 แสนคนทุกงวด และคนส่วนใหญ่ซื้อ 2-3 ใบ ที่ประมาณ 6 แสนคน ซื้อเป็นชุดใหญ่ ๆ ก็มีบ้าง
“วันนี้ สลาก 80 บาทมีอยู่จริง และสะท้อนข้อเท็จจริงว่า จำนวนสายร้องเรียนสลากเกินราคาลดลงกว่า 80% โดยสลากสร้างอาชีพให้ผู้ค้า ขอให้ส่งผ่านให้ผู้ซื้อในราคาที่เป็นธรรม และมีความเสี่ยงมาก ๆ ว่าสลากของท่านจะไปอยู่ที่ใคร มันตรวจสอบได้ว่า ท่านขายเอง หรือท่านขายส่ง ขอให้รักษาสิทธิ์ท่านไว้ ถ้าตรวจพบว่าไม่ได้ขายเองจะตัดสิทธิ์ทันที” นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวว่า สลากดิจิทัลที่ขายบนแอพพลิเคชันเป๋าตัง มีเพียงรายเดียวที่ขายแบบนี้ ไม่ได้เป็นการเลียนแบบ หรือ ดำเนินการตามใคร เพราะวิธีดำเนินการขายสลาก มีความแตกต่างจากแพลตฟอร์มเอกชน รวมถึงดำเนินตามกฎหมายอย่างชัดเจน ทุกขั้นตอน เช่น สลากทุกใบราคา 80 บาท ไม่ใช่สลากของสำนักงานสลาก ไม่ได้ขายเอง สำนักงานเพียงแค่ทำแอพพลิเคชันให้ผู้ค้ารายย่อยกว่า 35,000 คน นำสลาก 17 ล้านใบ เอามาฝากขายบนแพลตฟอร์มเท่านั้น สลากทุกใบมีชื่อเจ้าของ ทุกใบเป็นของรายย่อย มีการเคลียร์ยอดขายให้ผู้ค้าวันต่อวัน และสลากไม่ได้มีรายได้เพิ่มจากการขายสลากดิจิทัล
นอกจากนี้ ระบบเป๋าตังมีการยืนยันตัวตนชัดเจน ไม่สามารถขายต่ำกว่า 20 ปีได้ ตอบโจทย์ตามกติกาทุกอย่าง เมื่อถูกรางวัล จะมีการแจ้งเตือน ผู้ซื้อสามารถเลือกรับรางวัลด้วยตัวเองก็ได้ ก็เป็นสิทธิ์ของคนซื้อ หรือ โอนผ่าน g-wallet โอนผ่านทุกบัญชีธนาคาร เสียค่าธรรมเนียม 1% ซึ่งเท่ากับสลากแบบใบที่มันมีอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าใน 1 เดือนจากนี้ จะมีระบบอัตโนมัติให้ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ล่วงหน้าว่าจะรับเงินรางวัลแบบใด ขณะที่รางวัลที่ 1 ต้องมารับด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ สลากดิจิทัล เมื่อมีการถูกรางวัล จะมีใบเสร็จรับเงิน ถ้าเข้าไปดูในเป๋าตังรับสลาก จะมีใบเสร็จรับเงิน มีชื่อ ที่อยู่ระบุชัดเจน รวมทั้งยังมีประวัติการซื้องวดที่ 1 จนถึงปัจจุบัน เป็นหลักฐานตลอดเวลาว่า จะถูกตรวจสอบถูกรางวัลจริงหรือไม่ ก็จะมีหลักฐาน
นายลวรณ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา โดยเฉพาะกรณีแพลตฟอร์มเอกชน ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีหน่วยงานของรัฐบาลหลายหน่วยที่มีกฎหมายเฉพาะ จะต้องดำเนินการทุกฐานความผิด ในส่วนของสำนักงานสลากทำได้เฉพาะการตัดสิทธิ์ผู้มีสิทธิ์ซื้อ-จอง และการทำงานร่วมกับตำรวจ ฐานความผิดเกินราคา ตาม พ.ร.บ. สลากกินแบ่ง จะต้องถูกปรับตามมาตรา 39 เห็นตรงกันว่า เป็นความผิดชั้นเดียวกรรมเดียว เป็นอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าทุกข์ เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้เลย จะเห็นว่าตำรวจจะดำเนินการจริงจังในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ เตรียมดำเนินการเรื่องความผิดละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ผ่านมาสำนักงานสลากได้ทำงานร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เห็นทำความผิด 2-3 เรื่อง เตรียมยื่นฟ้องศาลทรัพย์สินทางปัญญา มีความคืบหน้า แต่ยังไม่เปิดเผยว่ารายใด อย่างไรส่วนสรรพากร การตรวจสอบภาษีดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้สั่งการพิเศษ เนื่องจากเป็นธุรกิจออนไลน์ มีการติดตามตรวจสอบ ชำระภาษีเข้ามาแล้ว ส่วนอื่นก็จะมีการดำเนินการให้ครบถ้วนถูกต้องต่อไป
นายลวรณ กล่าวว่า สำนักงานเตรียมเสนอ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาทบทวนมติครม. ที่กำหนดให้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ห้ามทำการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ในลักษณะกระตุ้นให้เกิดการซื้อสลากเพิ่มขึ้น หรือ มอมเมาให้เกิดการซื้อ ให้ครอบคลุมโดยห้ามดำเนินการในทุกบุคคล ไม่ใช่เฉพาะสำนักงานสลากฯ นอกจากนี้ อาจจะมีการพิจารณาแก้ไขกฎหมาย กำหนดข้อห้ามในลักษณะดังกล่าวด้วย ในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์กำหนดต้องเสียภาษี ถ้าเป็นผู้ถูกรางวัล ออกเช็คเป็นชื่อถูกต้อง ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่เมื่อมีตัวแทนขึ้นเงินรางวัล ถามว่าทำได้หรือไม่ ก็สามารถทำได้ แต่ผู้เก็บภาษีก็มีอำนาจตรวจสอบ ว่าท่านได้ถูกรางวัลจริงหรือไม่ รายได้มาจากที่ใด ต้องมีหลักฐานเอกสาร ว่ามีการซื้อสลากมาจริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เอ๋ เชิญยิ้ม' ถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลอื่น ๆ รวม 26 ใบ
ปังไม่ไหวสำหรับนักแสดงตลกชื่อดัง เอ๋ เชิญยิ้ม หลังเจ้าตัวได้ถูกรางวัลใหญ่ จากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ด้วยการถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 1 ใบ พ่วงรางวัลอื่น ๆ รวม 26 รางวัล งานนี้รับเงินก้อนโตเลยทีเดียว
นายกฯ เผยข่าวดีคอหวยมาแล้ว!
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า “ข่าวดีคอหวยมาแล้วครับ วันนี้ ครม
'ปลัดคลัง' ชี้ข้อห่วงใยผู้ว่าแบงก์ชาติ ไม่ทำให้ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' สะดุด
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ส่งหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี(ครม.)
เดินหน้าแจกดิจิทัลวอลเล็ต หลังเพิ่มทางเลือกแหล่งเงิน
หลังเมื่อวันจันทร์ที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง” เปิดแถลงข่าวไทม์ไลน์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้านโยบายดังกล่าวต่อไป และจะสามารถแจกเงินให้ประชาชน 10,000 บาท ได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ คือประมาณ ตุลาคม-ธันวาคม 2567
รัฐจัดหนัก 'ลดภาษีสุราชุมชน - สถานบันเทิง' หนุนไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว
มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย