“ครม.” เคาะแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 หวังใช้เป็นกรอบฟื้นท่องเที่ยวไทยหลังโควิด-19 ปักหมุด 5 ปีเข็นจีดีพีโตไม่ต่ำกว่า 25% ของจีดีพีประเทศ พร้อมกางยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เข้าไทยปี 65 แตะ 11.1 ล้านคน ปั้มรายได้ 3.64 แสนล้านบาท
4 ม.ค. 2566 – นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2566 เห็นชอบให้ประกาศใช้แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2566-70) หรือ แผนพัฒนาการท่องเที่ยว ฉบับที่ 3 ซึ่งจะเป็นกรอบการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19โดยแผนมีระยะเวลา 5 ปี มีวิสัยทัศน์ตามแผน คือ การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมที่เน้นคุณค่า มีความสามารถในการปรับตัว เติบโตอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วม
โดยแผนพัฒนาการท่องเที่ยวฯ มีเป้าหมายหลัก คือ การท่องเที่ยวไทยต้องมีความเข้มแข็ง และสมดุล ยกระดับการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นและมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวคุณค่าสูง และการบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และมีตัวชี้วัดสำคัญในระยะ 5 ปี เช่น สัดส่วนจีดีพีด้านการท่องเที่ยวต่อจีดีพีประเทศไม่ต่ำกว่า 25%, จำนวนธุรกิจบริการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย และอาเซียนเพิ่มขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 3,000 ราย, ระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 10 วัน และค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะเพิ่มขึ้น 5% ต่อปี เป็นต้น
กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 2565 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมจำนวน 11,136,814 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวสะสมประมาณ 3.64 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 1,925,052 คน รองลงมา คือ อินเดีย 1,000,370 คน, สิงคโปร์ 604,890 คน, เกาหลีใต้ 539,734 คน และลาว 503,959 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทอท.ทุ่มงบแสนล้านลุยพัฒนา 6 สนามบิน รับผู้โดยสาร 200 ล้านคน
ทอท. เทงบลงทุน 1 แสนล้านบาท พัฒนา 6 สนามบินคาดเสร็จปี 70 รับผู้โดยสาร 200 ล้านคน คาดผู้โดยสารปี 66 พุ่ง95 ล้านคน ปักหมุด ก.ย.นี้เปิดใช้ SAT1 ส่วนแผนโอนกระบี่-อุดร-บุรีรัมย์รอรัฐบาลใหม่เคาะ
บอร์ดปตท.อนุมัติงบลงทุน 5 ปี 1.02 แสนล้านบาท
บอร์ด ปตท. อนุมัติงบลงทุน 5 ปี 1.02 แสนล้านบาท พร้อมเป็นหัวหอก ผลักดันเศรษฐกิจไทยปีหน้า