'สุพัฒนพงษ์' เผยนายกฯสั่งลดค่าไฟแล้ว ยอมรับทำไม่ถูกใจทุกกลุ่ม

“สุพัฒนพงษ์” เผยนายกฯ สั่งลดค่าไฟแล้ว แต่รับไม่สามารถทำให้ถูกใจได้ทุกกลุ่ม รอบอร์ดกกพ.เคาะอีกครั้ง 28 ธ.ค. นี้ ด้าน ปตท.ผุดแผนช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางให้ลดลงอีก ด้าน กฟผ.โอดรับภาระค่าเอฟทีไม่ไหว อาจกระทบการนำส่งเงินเข้ารัฐ

27 ธ.ค. 2565 – นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งให้ทบทวนราคาค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ให้ถูกลงกว่าเดิมที่ 190.44 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นค่าไฟ 5.69 บาทต่อหน่วยแน่นอน แต่คงไม่เยอะเท่าไหร่และอาจไม่ถูกใจใครบางกลุ่ม ซึ่งขณะนี้ได้ส่งตัวเลขให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เรียบร้อยแล้ว โดยวันที่ 28 ธ.ค. 2565 จะมีการประชุมบอร์ดกกพ.เพื่อคำนวณตัวเลขใหม่อีกครั้งในหลายมิติ

ทั้งนี้อยากให้ทำความเข้าใจว่าเป็นวิกฤติพลังงานจริง ๆ ซึ่งการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) มีราคาสูงมากอยู่ที่ระดับ 29-30 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ดังนั้น สิ่งที่ต้องคิดคือการปรับตัว ซึ่งขณะนี้ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. จะเร่งกำลังผลิตในอ่าวไทยให้มากขึ้น โดยในต้นปี 2566 จะเพิ่มกำลังผลิตได้ จึงอยากให้เข้าใจว่าของมีขึ้นได้ก็ลงได้

“ในช่วงนี้ภาคธุรกิจฟื้นตัวดีขึ้นส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากมาก และยิ่งมากเท่าไหร่เราต้องนำเข้า LNG มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งวันนี้เรานำเข้าเชื้อเพลิงมากแพงเพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่ได้คิดค่าสายส่ง จะตกหน่วยละประมาณ 6.50 บาท แต่หากรวมแล้วจะตกหน่วยละ 7-8 บาท ซึ่งก็มีแผนที่จะลดการนำเข้าก๊าซ LNG ใช้น้ำมันดีเซลมาผลิตไฟฟ้าแทน เดือนละ 400 ล้านลิตร หรือ 15% ของการใช้เชื้อเพลิงทั้งหมด และการขยายเวลาใช้ถ่านหิน 5% รวมเป็น 20% เข้าไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบกหนี้กว่า 1 แสนล้านบาท” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดคือภาคครัวเรือนก็เริ่มมีการประหยัด ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะช่วยอย่างไร เพราะเป็นกลุ่มที่ใช้ไฟลดลง ซึ่งใช้ไฟโดยรวมที่ 17% ของภาคพลังงานทั้งหมด รัฐบาลก็ไม่ได้อยากไปผลักภาระให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีบุญคุณต่อการเติบโตของประเทศ และยืนยันว่าตัวเลขเอฟทีจะลดลงแน่นอน แต่อาจไม่ถูกใจใคร จึงอยากให้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งทุกฝ่ายพยายามเต็มที่ ต้องเสริมสภาพคล่องกฟผ.ด้วย ซึ่งพิจารณาตัวเลขคืนกฟผ.ที่ 0.33 สตางค์คือต่ำเท่าที่จะต่ำได้แล้ว

“อยากให้กลุ่มธุรกิจทำเหมือนตอนเราแก้ปัญหาโควิด หันหน้าคุยกัน เราตระหนักว่าอะไรปรับได้ก็ปรับ ซึ่งอยากให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ช่วยดูตรงนี้ เพราะเป็นภาคพลังงานที่ใช้แก๊ส LNG เป็นเชื้อเพลิงสูง และใช้ในราคาเฉลี่ยเหมือนกัน ซึ่งเอกชนยังไม่มีความพยายามใช้น้ำมันเตาหรือแก๊สตัวอื่นเลย อย่ามาเอาค่าเฉลี่ยราคาเท่ากับประชาชนกว่า 23 ล้านครัวเรือน มี”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างหาวิธีช่วยเหลือตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ขอความร่วมมือพิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อเดือน ระยะเวลา 4 เดือน (ตั้งแต่ ม.ค. – เม.ย. 66) เป็น 6,000 ล้านบาท มาช่วยสนับสนุนในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า แบ่งเป็นส่วนที่ 1 ลดราคาค่าก๊าซฯ ให้กฟผ. เพื่อลดค่าไฟกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 500 หน่วยต่อเดือน

ส่วนที่ 2 ลดราคาก๊าซฯ สำหรับโรงแยกก๊าซฯ ในการคำนวณต้นทุนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อเป็นเชื้อเพลิง ทั้งนี้ การช่วยเหลือมีหลายวิธีที่ไม่ใช่เฉพาะการช่วยเหลือในเรื่องของเงินเท่านั้น แต่ยังมีการบริหารจัดการเพื่อที่จะทำให้ต้นทุนลดลงเพื่อเอาไปคำนวนช่วยเหลือกลุ่มเหราะบาง เป็นต้น

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า หากภาคเอกชนที่ต้องการให้ปรับลดค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 ภาครัฐจะต้องหาเงินมาสนับสนุน หรือให้งดนำส่งเงินเข้ารัฐ ทั้งนี้ รายได้ กฟผ. นำส่งรัฐนั้นค้างจ่ายปีก่อน ๆ ที่ 14,000 ล้านบาท และในปี 2565 ประมาณ 17,000 ล้านบาท หากให้แบกรับไปมากกว่านี้ก็คงไม่ไหว

สำหรับการปรับอัตราค่าเอฟที ในรอบนี้ มาจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ที่มีราคาแพงมาทดแทนเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและก๊าซธรรมชาติ และจากเมียนมาที่ลดลง อีกทั้งต้องทยอยจ่ายคืนหนี้ค่าเอฟทีคืนให้กับ กฟผ. บางส่วนราว 33 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นเงิน 2 หมื่นล้านบาทต่องวด เพื่อให้ได้รับเงินคืนครบภายในเวลา 2 ปี ขณะที่กฟผ.ยังต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชนจำนวน 101,881 ล้านบาท

“หากจะจ่ายคืนค่าเอฟทีให้กับ กฟผ. ต่ำกว่า 33 สตางค์ต่อหน่วยก็คงไม่ไหวแล้ว กฟผ. ไม่สามารถแบกรับต้นทุนไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว หากต้องการลดค่าไฟรัฐคงต้องหาเงินส่วนอื่นมาช่วยอุดหนุน”นายบุญญนิตย์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พีระพันธ์ุ' เตรียมเสนอมาตรการลดค่าไฟ-พลังงาน ตามข้อสั่งการนายกฯ เข้าครม.สัปดาห์หน้า

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะคุยกับนายพีระพันธุ์ ให้หามาตรการ ลดค่าไฟ และนำเข้าสู่ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้

พพ. ยันอีกเสียงเปิดแอร์ 27 องศา + เปิดพัดลม ชี้ช่วยประหยัดไฟจริง

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) แจงกรณีผู้ใช้ TiktoK โพสต์ เปิดแอร์ 27 องศาและเปิดพัดลมแล้วค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ชี้ไม่สมเหตุสมผลและขาดข้อมูลตัวแปรอื่นๆ ยันการเปิดแอร์ที่ 27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลม ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่าเปิดแอร์ที่ 25 องศาเซลเซียส พร้อมแนะวิธีเช็คตัวแปรทำค่าไฟแพง

‘กฤษฎา‘ เตรียมลาออกสมาชิกพรรค รทสช. สัปดาห์นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภายหลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจากตำแหน่งรมช.คลังและมีผลโดยสมบูรณ์แล้ว

'เอกนัฏ' นำทีมรทสช. ยินดี 'สุชาติ' นั่งเก้าอี้รมช.พาณิชย์ ยืนยันพรรคเหนียวแน่น

ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการลาออกของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง รวมทั้งกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

หัวหน้ารทสช. มั่นใจพรรคไม่สะเทือน ไร้คลื่นใต้น้ำ ปม 'กฤษฎา-สุพัฒนพงษ์' ลาออก

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ออกจากตำแหน่งรมช.คลัง ว่า คงเป็นกระแสข่าว ตนยังไม่ทราบ ตนเพิ่งประชุมเสร็จเดี๋ยวนี้

'สุพัฒนพงษ์' ไขก๊อกพ้นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค