ทอท. คาดปีใหม่ผู้โดยสารเดินทางผ่าน 6 สนามบิน 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 171%

ทอท. คาดการณ์ผู้โดยสารเดินทางทางอากาศช่วงปีใหม่ 66 ผ่าน 6 สนามบิน 7 วัน มีประมาณ 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 171% ขณะที่เที่ยวบิน 1.2 หมื่นไฟลท์ เพิ่มขึ้น 87% ย้ำผู้โดยสารเผื่อเวลามาสนามบิน 2-3 ชม.

26 ธ.ค.2565 – นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ทอท. ได้เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนผ่านสนามบินทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยคาดการณ์ว่าปริมาณการจราจรทางอากาศระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2565 – 4 ม.ค.2566 สนามบินทั้ง 6 แห่ง จะมีผู้โดยสารประมาณ 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 171.28% เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 (29 ธ.ค.2564 – 4 ม.ค.2565)

สำหรับจำนวนผู้โดยสารประมาณ 2 ล้านคน แบ่งเป็น ระหว่างประเทศ ประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 832.51% และภายในประเทศประมาณ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 57.05% ขณะที่เที่ยวบินคาดการณ์ว่าจะมีประมาณ 12,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 87.01% แบ่งเป็น ระหว่างประเทศ 5,340 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 260.53% และภายในประเทศ 6,850 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 35.98% ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 66 อาจมีผู้มาใช้บริการสนามบินจำนวนมากจึงขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังสนามบินล่วงหน้า 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน

นายนิตินัย กล่าวว่า ทอท. ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งตระหนักถึงการกลับมาให้บริการในยุค New Normal ซึ่งในช่วงนี้ที่มีผู้โดยสารมาใช้บริการสนามบินเพิ่มมากขึ้น ขอแนะนำแอพพลิเคชั่น SAWASDEE by AOT จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย โดยผู้โดยสารสามารถเช็กข้อมูล และสถานะเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อใกล้เวลาเดินทาง เช็กสถานะกระเป๋าเดินทาง จองที่จอดรถ จองรถแท็กซี่ ค้นหาข้อมูลรถสาธารณะ ร้องเรียน และติชมการให้บริการ รวมถึงฟังก์ชันใหม่ล่าสุด Queue Times สามารถเช็กความแออัด และระยะเวลาในพื้นที่เช็กอิน พื้นที่ตรวจค้น และพื้นที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ด้วยตนเองผ่านแอพฯ นอกจากนี้ขอแนะนำให้ใช้เครื่อง Kiosk สำหรับเช็กอิน และโหลดกระเป๋าสัมภาระ ช่วยให้ไม่ต้องรอคิวบริเวณเคาน์เตอร์เป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตามส่วนการเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ นั้น ทอท. ได้จัดตั้งศูนย์ Single Command Center เพื่อบริหารจัดการเรื่องความแออัดของผู้โดยสารที่มาใช้บริการ ณ ทสภ. โดยเฉพาะช่วงเวลา Peak Hour ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ทสภ.ปฏิบัติงานเวรตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดเตรียมรถแท็กซี่ และรถสาธารณะมาให้บริการเพิ่มเติม นอกจากนี้ ทสภ.ยังได้ยกเว้นค่าบริการจอดรถยนต์ที่ลานจอดรถระยะยาวโซน C ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 29 ธ.ค.65 ถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 3 ม.ค.66 และ ทภก.ได้จัดพื้นที่จอดรถยนต์ฟรี ณ อาคาร X-Terminal เริ่มจอดได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 29 ธ.ค.65 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 3 ม.ค.66 และจัดพื้นที่ลานจอดรถหน้าอาคารสำนักงาน ทภก. เริ่มจอดได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 29 ธ.ค.65 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 2 ม.ค.66

นายนิตินัย กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำเรื่องการนำของเหลว เจล สเปรย์ที่จะนำติดตัวขึ้นเครื่อง หรือเข้าไปในเขตหวงห้ามในสนามบิน ต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร ปิดสนิท และมีข้อความระบุปริมาตรของบรรจุภัณฑ์ชัดเจน สามารถนำติดตัวขึ้นบนอากาศยานรวมกันได้ไม่เกินคนละ 1,000 มิลลิลิตร หากบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาณของเหลวฯ เกินกว่าที่กำหนด (100 มิลลิลิตร) แม้ว่าจะมีของเหลวอยู่เล็กน้อยต้องนำใส่ในสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง

ทั้งนี้ส่วนการนำแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขึ้นเครื่องบิน แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดเล็กที่มีค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh (Watt – Hour : Wh) หรือ 20,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดกลางที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 100 ถึง 160 Wh หรือมากกว่า 20,000 ถึง 32,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดใหญ่ที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAh ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบิน และโหลดใต้ท้องเครื่องบิน นอกจากนี้แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองที่ไม่ระบุพลังงานไฟฟ้า Wh หรือระบุขนาดบรรจุของลิเธียม (Lithium Content : LC) หรือระบุไม่ชัดเจนไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน หรือโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้