"ซานต้าตู่" อัดมาตรการของขวัญปีใหม่ ส่งช้อปดีมีคืนกระตุ้นใช้จ่าย คาดดันจีดีพีปี 66 โตเพิ่ม0.76%

20 ธ.ค. 2565 – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชนตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.มาตรการช้อปดีมีคืน ปี 66 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 15 ก.พ.2566 โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท โดยแบ่งเป็น 1. ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวน 30,000 บาทแรก ออกใบกำกับภาษีแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ และ 2. ค่าซื้อสินค้าหรือบริการ อีกจำนวน 10,000 บาท ออกใบกำกับภาษีรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

สำหรับสินค้าที่เข้าร่วมมาตรการ เช่น ค่าซื้อสินค้า และค่าบริการทุกประเภทที่ซื้อจากผู้ประกอบการ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) รวมถึงค่าสินค้า OTOP แต่ไม่รวมถึงสินค้าและบริการ 10 ประการ ดังนี้ ค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ค่าซื้อยาสูบ ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต ค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว ซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 ก.พ. 2566 และค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

2.มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2566 โดยลดภาษีให้ในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของปีภาษี พ.ศ.2566 และ 3.มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2566 โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด (ทั้งบ้านมือ 1และมือ 2) เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา

4.มาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานภายในประเทศ โดยลดอัตราภาษีตามปริมาณของน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องบินไอพ่นที่ใช้บินในประเทศ จากลิตรละ 4.726 บาท เหลือลิตรละ 0.20 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2566 เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและบริการให้มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและบรรเทาผลกระทบการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสายการบินภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะสูญเสียรายได้ราว 1.8 พันล้านบาท

“ได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิตหารือกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการบิน ในการช่วยลดค่าตั๋วโดยสารลง เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงการเดินทางเทศกาลปีใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีประชาชนออกมาระบุว่าค่าตั๋วโดยสารของสายการบินต่าง ๆ มีราคาค่อนข้างสูง” นายอาคม กล่าว

5.มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ตาม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ให้สิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 สำหรับผู้ประกอบการที่ประสงค์จะประกอบกิจการต่อเนื่อง ณ สถานประกอบการเดิม ประเภทใบอนุญาตเดิม ที่ยื่นคำขอระหว่างวันที่ 1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2566 เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องภายหลังสถานการณ์โควิด-19 สูญเสียรายได้ราว 380 ล้านบาท

นายอาคม กล่าวว่า มีการประเมินว่า 5 มาตรการภาษีที่เป็นของขวัญปีใหม่นี้ จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ราว 1.86 หมื่นล้านบาท แต่จะช่วยทำให้มีการจับจ่ายใช้สอย มีสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ประมาณ 2.78 แสนล้านบาท และมีผลทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2566 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.76% จากคาดการณ์ปัจจุบันที่ 3.8% ส่วนมาตรการคนละครึ่ง ขณะนี้คงไม่มีแล้ว แต่อนาคตต้องไปพิจารณาดูกันอีกที ซึ่งเรื่องนี้ได้ชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า เมื่อเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวขึ้น ต้องปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจทำงานไปตามกลไก นโยบายการคลังจะต้องเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ลดภาระงบประมาณที่จะเข้าไปกระตุ้นในส่วนดังกล่าวลง และมุ่งทำนโยบายแบบพุ่งเป้าไปยังกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อให้การใช้ทรัพยากรด้านการคลังมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

“โครงการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ผ่านมา อาทิ เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ เราไม่ทิ้งกัน หรือคนละครึ่ง ที่ผ่านมาใช้เงินจากการกู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท แต่ตอนนี้เงินกู้ดังกล่าวจบไปแล้ว หลังจากนี้ก็คงต้องปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจทำงานตามกลไกมากขึ้น โดยการระบาดของโควิด-19 ก็คลี่คลายลงมากแล้ว ประชาชนก็มีรายได้ มีงานทำมากขึ้นด้วย” นายอาคม กล่าว

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า โครงการช้อปดีมีคืน ปี 2566 นี้ จะเปิดให้ค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมันสามารถเข้าร่วมโครงการได้ด้วย โดยมีการประเมินว่า จะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการ ประมาณ 1.4 ล้านราย สูงเสียรายได้ 6.2 พันล้านบาท แต่จะช่วยให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 4.2 หมื่นล้านบาท

ส่วนมาตรการและโครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2566 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้จัดทำโครงการเพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่าย และเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ รวมทั้งสิ้น 15 โครงการ อาทิ 1.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เช่น โครงการชำระดีมีคืน ปีบัญชี 2565, โครงการลดดอกเบี้ยแก้หนี้ภาคครัวเรือน ปีบัญชี 2565, มาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า ปีบัญชี 2565 เป็นต้น 2. ธนาคารออมสิน ได้แก่ โครงการวินัยดีมีเงิน และโครงการสลากออมสินดิจิทัล 2 ปี ฉลองปีใหม่ 2566 และ 3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้แก่ โครงการของขวัญปีใหม่ 2566 เพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงินสำหรับลูกค้า ธอส. ที่มีวินัยดีในการผ่อนชำระย้อนหลังรวม 48 งวด (นับถึงงวด พ.ย. 65) โดยมีการชำระเงินงวดสม่ำเสมอและไม่น้อยกว่าเงินงวดที่ธนาคารกำหนดทุกเดือน ให้ได้รับ Cashback จำนวน 1 พันบาท ซึ่งจะครอบคลุมลูกค้า 2 แสนราย วงเงินดำเนินการ 200 ล้านบาท

4. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ได้แก่ โครงการผ่อนดี มีคืนม มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการส่งเสริมช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 5. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ได้แก่ มาตรการ Alll in 1 โดยลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่เข้ามาตรการสินเชื่อ EXIM Personal Biz, มาตรการสินเชื่อเพื่อผู้ส่งออกป้ายแดง และมาตรการสินเชื่อ EXIM Shield Financing จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 6.60% ต่อปี ระยะเวลา 6 เดือน เป็นต้น 6. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือไอแบงก์ ได้แก่ สินเชื่อไอแบงก์ยืนหนึ่ง ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, โครงการสินเชื่อ Top Up และโครงการสินเชื่อบ้านแลกเงิน โดยลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะได้รับอัตรากำไรพิเศษ ระยะเวลาดำเนินการ 1 พ.ย. 2565 – 28 ก.พ. 2566

7. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้แก่ มาตรการยกเว้นค่าดำเนินการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่เข้าร่วมโครงการ Bilateral Phase7 (BI 7), โครงการ PGS ระยะพิเศษ Soft Loan และโครงการ Thai Credit Guarantee Corporation Risk Based Pricing (TCG RBP) จะได้รับการยกเว้นค่าดำเนินการค้ำประกันสินเชื่อ ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค. 2566 ส่วนลูกหนี้ที่ประนอมหนี้กับ บสย. และค้างชำระไม่เกิน 3 งวด จะได้รับการลดค่างวด ระยะเวลาดำเนินการ 1 ม.ค.-30 มี.ค. 2566

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ได้แก่ 1. โครงการเที่ยวปีใหม่สุขใจไปกับพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ โดยจะไม่เก็บค่าเข้าชม ตั้งแต่วันที่ 3-15 ม.ค 2566 และ 2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งและบริหารจัดการกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดตั้งกองทุนรวม 1 แสนบาทต่อกองทุนรวม และยกเว้นค่าธรรมเนียมการแก้ไขโครงการจัดการกองทุนรวม ไม่เกิน 5 พันบาทต่อกองทุนรวม มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2566 และโครงการหลักสูตรเรียนรู้ออนไลน์ e-learning “ก.ล.ต. Crypto Academy” เพื่อเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 ม.ค. 2566 เป็นต้น

3. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) สำหรับเทศกาลปีใหม่ ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของผู้เอาประกันภัยในการเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนา โดยจะให้ความคุ้มครองระยะสั้นเวลา 30 วัน ด้วยเบี้ยประกันภัย 10 บาท4. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้แก่ การขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค. นี้ เป็นสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2566 รวมระยะเวลา 6 เดือน, การชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กู้ยืมเงินและผู้ค้ำประกันที่ผิดนัดชำระหนี้ ประจำปี 2563 และปี 2564 และปี 2565 จากเดิมภายใน 31 มี.ค. 2566 เป็นภายใน 5 ก.ค. 2566 เว้นแต่คดีที่จะขาดอายุความ เป็นต้น 5. บริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (บสอ.) จัดทำมาตรการลดเบี้ยปรับ 100% ชำระเพียงเงินต้น กรณีปิดบัญชี เป็นต้น และ 6. การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ได้จัดทำโครงการ ชม ชิม ช็อป ยาสูบเชียงราย ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2565 ถึง 29 ม.ค. 2566 ณ จังหวัดเชียงราย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง