สสว. สรุปสถานการณ์ SME ปี 2565 เริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติ COVID-19 คาดสามารถสร้างมูลค่า SME GDP ขยายตัวอยู่ที่ 6.02 ล้านล้านบาท ผลจากการส่งออก (รอบ 10 เดือน) มีมูลค่าถึง 1.09 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 20.3 คาดการณ์ปี 2566 GDP SME ขยายตัว 4.9% ปัจจัยบวกมาจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะปรกติ การลงทุนภาครัฐ/ภาคเอกชน รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
20 ธ.ค. 2565 -นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เปิดเผยภายในงาน SME Symposium หัวข้อ “เปิดลายแทง SME ปีกระต่าย วิกฤติโลก วิกฤติไทย โอกาสใหม่ SME” ซึ่งจัดโดย สสว. ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2566 ที่จะถึงนี้ แม้สถานการณ์โควิด-19 จะผ่อนคลายลง แต่ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงการเปลี่ยนผ่านซึ่งมีความผันผวนเปรียบเสมือนมรสุมที่กำลังก่อตัว ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้นมาต่อเนื่องและเริ่มคงตัวในระดับสูง ส่งผลต่อราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น กำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง การแข่งขันทางการค้าทวีความรุนแรงในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการกีดกันโดยตรงและผ่านมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ระบบการเงินที่มีความผันผวนของค่าเงินทั่วโลก และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่จะลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ
ดังนั้นผู้ประกอบการต้องป้องกันความเสี่ยงให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง บริหารต้นทุนการเงิน เตรียมรับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องให้ความสนใจ และ ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ที่สำคัญต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางตลาดในอนาคต
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า จากการศึกษาวิเคราะห์เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ SME ในรอบปี 2565 ข้อมูล 9 เดือนแรกของปี (เดือนม.ค.-ก.ย.) พบว่า การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (GDP SME) มีมูลค่ารวม 4.54 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 5.1% คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 35.2% ของ GDP รวมของประเทศ ในด้านการค้าระหว่างประเทศของเอสเอ็มอี ยังคงอยู่ในภาวะขาดดุล โดยการส่งออกของเอสเอ็มอี มีมูลค่ารวม 31,869 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.09 ล้านล้านบาท) ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 20.3%
“จากการประเมินสถานการณ์ของ สสว. พบว่า ภาวะเศรษฐกิจของเอสเอ็มอี ในปี 2565 ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น เห็นได้ จากการขยายตัวของยอดการผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น รถยนต์นั่ง พาหนะเพื่อการพาณิชย์ ซีเมนต์ผสม ฯลฯ คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2565 เศรษฐกิจของเอสเอ็มอี (GDP SME) จะขยายตัว 4.9% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.2% ผลจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ราคาพืชผลการเกษตร การส่งออก ต้นทุนด้านพลังงาน รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าหลักที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป”นายวีระพงศ์ กล่าว
สำหรับคาดการณ์แนวโน้มปี 2566 คาดว่าเศรษฐกิจประเทศ (GDP) จะมีการขยายตัวได้ 2.8% ถึง 4.8% ขณะที่การขยายตัวของ GDP SME จะอยู่ที่ 4.1% ถึง 5.8% ผลจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ขยายตัวดีขึ้นเกือบทุกด้าน โดยการบริโภคภาคครัวเรือน คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2% เนื่องจากประชาชนมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นจากการขยายตัวของการจ้างงาน แม้ว่าสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อ GDP จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ด้านการใช้จ่ายของรัฐบาลปรับตัวลดลงเล็กน้อยเท่ากับ 0.6%
ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัว 3.7% เช่นเดียวกับการเติบโตของการลงทุนของรัฐบาล ที่จะเพิ่มขึ้นในอัตรา 2.5% จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าและบริการจะยังขยายตัวได้ โดยเฉพาะด้านบริการการท่องเที่ยวของประเทศจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จึงคาดว่าการมูลค่าส่งออกสินค้าและบริการโดยรวม จะเพิ่มขึ้น 5.0%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอเปรม-นันทนา' รุมโวยรัฐมนตรี เทกระทู้สภาสูง
สว. โวย 'รมต.' เท ตอบกระทู้ ถ่ายโอน รพ.สต.-แก้ปัญหาการครอบงำของอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ 'หมอเปรม' ซัด 30บาทรักษาทุกที่คือที่ไหน ขณะที่ 'นันทนา' ฉะ 'รมว.พณ.' ไม่สนใจช่วยเอสเอ็มอี