'กบง.' สั่งตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 480 บาท/ถัง 15 กก. ถึง 31 ม.ค.66

กบง.ใจป้ำตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 480 บาท/ถัง 15 กก. ถึง 31 ม.ค.66 พร้อมไฟเขียวให้ ปตท. เคาะอัตราเอ็นจีวีรถทั่วไปขึ้น 1 บาท เป็น 17.59 บาท/กก. 3 เดือนจนถึง 15 มี.ค.66 สะท้อนราคาตลาดโลกผันผวน

15 ธ.ค. 2565 – นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยในฐานะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2565 ว่า กบง.ได้พิจารณาแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) โดยเห็นชอบให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นแอลพีจีที่ 19.9833 บาท/กก.(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีกรอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีกแอลพีจีอยู่ที่ประมาณ 408 บาท/ถัง 15 กก. ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค.2566 ช่วยลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชนแต่จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระเพิ่มขึ้น

“ที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อพิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซแอลพีจีต่อไป”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

ขณะเดียวดฃกันยังมีมติเห็นชอบให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กำหนดราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี) สำหรับรถยนต์ทั่วไปให้ปรับราคาขายปลีกเอ็นจีวีขึ้น 1 บาท/กิโลกรัม(กก.) เป็น 17.59 บาท/กก. จาก 16.59 บาท/กก. ส่วนรถแท็กซี่ในโครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน ของ ปตท. ให้คงราคาขายปลีกเอ็นจีวีไว้ที่ 13.62 บาท/กก. ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2565-15 มี.ค.2566 คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือของ ปตท. ประมาณ 2,682 ล้านบาท แบ่งเป็นรถยนต์ทั่วไป 2,407 ล้านบาท และรถแท็กซี่ 275 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและช่วยลดภาระกองทุนลง โดยขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันให้คงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลหมุนเร็วบี7 และดีเซลหมุนเร็ว บี20 ไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2566 และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ ธพ. เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพ ของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. 2566 ให้สอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบ ต่อไป

เนื่องจากสถานการณ์ราคาแอลพีจี ตลาดโลกในปัจจุบันยังคงผันผวน โดย ณ วันที่ 29 พ.ย.2565 อยู่ที่ 633.60 เหรียญสหรัฐ/ตัน เทียบได้กับราคาขายปลีกแอลพีจีที่ประมาณ 480 บาท/ถัง 15/กก. ขณะที่ราคาขายปลีกในประเทศอยู่ที่ 408 บาท/ถัง 15 กก. ส่งผลต่อสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีติดลบ 1,352 ล้านบาท/เดือน ทำให้ฐานะกองทุนบัญชีแอลพีจีติดลบ 43,883 ล้านบาท เข้าใกล้กรอบวงเงินกองทุนในส่วนของบัญชีแอลพีจีที่ให้ติดลบได้ไม่เกิน 45,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กบง.ยังมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการยกเว้นการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉพาะปริมาณที่จำหน่ายเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรการการใช้น้ำมันดีเซล น้ำมันเตาทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า ในช่วงสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ ธพ. ว่าด้วยกำหนดชนิดและอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง แจ้งผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ให้ยื่นขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงปริมาณการค้าตามขั้นตอนต่อไป ทั้งยังมอบหมายให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน ติดตามแผนบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน ในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.2566 และรายงานต่อ กบง. ต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตรมว.คลัง ตรวจการบ้าน 'ครม.มาดามแพ' ราคาก๊าซหุงต้ม-น้ำมัน ควรลดตั้งนานแล้ว

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์

‘กฤษฎา‘ เตรียมลาออกสมาชิกพรรค รทสช. สัปดาห์นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภายหลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจากตำแหน่งรมช.คลังและมีผลโดยสมบูรณ์แล้ว

'เอกนัฏ' นำทีมรทสช. ยินดี 'สุชาติ' นั่งเก้าอี้รมช.พาณิชย์ ยืนยันพรรคเหนียวแน่น

ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการลาออกของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง รวมทั้งกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

หัวหน้ารทสช. มั่นใจพรรคไม่สะเทือน ไร้คลื่นใต้น้ำ ปม 'กฤษฎา-สุพัฒนพงษ์' ลาออก

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ออกจากตำแหน่งรมช.คลัง ว่า คงเป็นกระแสข่าว ตนยังไม่ทราบ ตนเพิ่งประชุมเสร็จเดี๋ยวนี้

'สุพัฒนพงษ์' ไขก๊อกพ้นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค