จับตา กกพ. เคาะสูตรค่าเอฟทีใหม่ในสัปดาห์นี้ เอกชนขู่ขึ้นราคาสินค้า

กกพ.มึน เร่งพิจารณาเคาะสูตรค่าเอฟทีใหม่ คาดชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ ด้านเอกชนขู่พร้อมปรับราคาสินค้าขึ้น 5-12%

14 ธ.ค. 2565 – รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าภายในสัปดาห์นี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะสรุปสูตรอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) งวดใหม่เดือนม.ค.-เม.ย.2566 อย่างเป็นทางการ เบื้องต้นอัตราเอฟทีงวดใหม่ ในส่วนของภาคครัวเรือน คาดว่า เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้นโยบายช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 500 หน่วยต่อเดือนให้จ่ายค่าไฟราคาเดิมเท่างวดปัจจุบัน 4.72 บาทต่อหน่วย

ส่วนของภาคอุตสาหกรรม อาจต้องปรับขึ้นสูงเกินกว่า 5 บาท/หน่วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุตัวเลขอย่างชัดเจนได้ เนื่องจาก กกพ.อยู่ระหว่างรอ ปตท. สรุปตัวเลขการคิดราคาก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) สำหรับโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) รวมทั้งการพิจารณาจ่ายหนี้ให้กับ กฟผ. จำนวน 1.2 แสนล้านบาทว่า จะมีแนวทางการจ่ายอย่างไร

“หากได้ข้อสรุป 2 ประเด็นนี้ จึงจะประกาศค่าเอฟทีงวดใหม่อย่างเป็นทางการได้ ส่วนอีกแนวทางหนึ่งจะขอความร่วมมือให้ ปตท.ลดการจ่ายก๊าซเข้าโรงแยกก๊าซให้มาป้อนในโรงไฟฟ้าก่อน ยังไม่รู้ว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่”แหล่งข่าว กล่าว

อย่างไรก็ตามขณะนี้ กฟผ.แบกรับภาระไว้นานแล้ว จะให้เจ๊งไม่ได้ ต้องดูว่าจะทำอย่างไร ส่วนเรื่องอื่นนิ่งแล้ว ซึ่งเท่าที่ทราบทาง กกพ.หนักใจมากในการพิจารณาค่าเอฟทีงวดใหม่ว่า จะทำอย่างไรให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากที่สุด ซึ่งในที่ประชุมเคยหารือกันว่า ถ้าตรึงเฉพาะครัวเรือน แล้วไปโป่งเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ทางภาคอุตสาหกรรม ต้นทุนขึ้น ก็ต้องผลักภาระขึ้นราคาสินค้าให้กับผู้บริโภคอยู่ดี สุดท้ายทางผู้บริโภคก็ได้รับผลกระทบอยู่ดี จึงต้องพิจารณาทุกอย่างอย่างรอบด้านให้รอบคอบ

ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าหากรัฐพิจารณาปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)งวดเดือนม.ค.-เม.ย.2566 ที่ปัจจุบันส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนอยู่ที่ 4.72 บาท/หน่วย จะกดดันให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉลี่ยราว 5-12% ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ รวมถึงการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ) ที่กำลังย้ายฐานท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย

“ต้องยอมรับว่าปี 2566 ภาพรวมเศรษฐกิจโลกถดถอยแต่ละประเทศมีการแข่งขันกันสูงขึ้น ทั้งการส่งออก และการดึงดูดการลงทุนที่กำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยมีจุดเด่นหลายอย่าง แต่ค่าไฟที่สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับเวียดนามที่มีค่าไฟเพียง 2.88 บาท/หน่วย ส่งผลต่อขีดแข่งขันของไทยยิ่งลดต่ำลงไปอีก โดยจากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติพบว่าค่าไฟฟ้าของไทยค่อนข้างสูงและเมื่อต้องเสนอเข้าบอร์ดบริษัทแม่มักจะไม่ผ่านในประเด็นนี้ เป็นปัจจัยบั่นทอนการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ”นายเกรียงไกร กล่าว

นายเกรียงไกร กล่าวว่าดังนั้น ภาครัฐต้องทบทวนโครงสร้างพลังงานของไทยใหม่ เพื่อดูแลค่าพลังงานในระยะยาวให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสม ไม่ผลักภาระค่าไฟให้กับภาคอุตสาหกรรมและส่งเสริมให้ครัวเรือนประหยัดไฟฟ้าซึ่งตรงกันข้ามกับไทย

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าส.อ.ท.ขอเสนอให้ภาครัฐชะลอการปรับค่าเอฟทีงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2566 ออกไปก่อน และปลดล็อกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินการ เช่น การขอใบอนุญาต รง.4 (กรณีมีการจำหน่ายไฟฟ้าให้ภาครัฐ) การขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในโรงงานอุตสาหกรรมและภาคบริการ การส่งเสริมการดำเนินงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้รวดเร็วและครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และการเพิ่มสัดส่วนเอทานอลด้วยน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับเอทานอล (E20) เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พพ. ยันอีกเสียงเปิดแอร์ 27 องศา + เปิดพัดลม ชี้ช่วยประหยัดไฟจริง

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) แจงกรณีผู้ใช้ TiktoK โพสต์ เปิดแอร์ 27 องศาและเปิดพัดลมแล้วค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ชี้ไม่สมเหตุสมผลและขาดข้อมูลตัวแปรอื่นๆ ยันการเปิดแอร์ที่ 27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลม ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่าเปิดแอร์ที่ 25 องศาเซลเซียส พร้อมแนะวิธีเช็คตัวแปรทำค่าไฟแพง

ปลุกคนใต้โดนปล้นพลังงาน 'วัชระ' ค้านย้ายโรงไฟฟ้าสุราษฎร์  

“วัชระ”ปลุกกระแส จุดเทียนประท้วง ค่าไฟมหาโหด ค้านย้ายโรงไฟฟ้าจากสุราษฎร์ธานีไปภาคกลาง ชี้จะทำให้ภาคใต้สูญเสียความมั่นคงด้านพลังงาน

เลขาฯกกพ. คนใหม่ ลุยสานงานแบบไร้รอยต่อ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ ได้เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 ต่อจากนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ที่เพิ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา