สนพ.คาดปี 66 ความต้องการใช้พลังงานโต 2.7% รับอานิสงส์การเดินทาง การลงทุน เศรษฐกิจฟื้น และค่าไฟขาขึ้น เล็งชงแผนพลังงานชาติคลอดใช้ไตรมาส 2/66
11 ธ.ค. 2565 – นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่าปี 2566 คาดการณ์แนวโน้มความต้องการใช้พลังงานขั้นต้นของประเทศจะเพิ่มขึ้น 2.7% อยู่ที่ 2,111 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากความต้องการเดินทางที่มีแนวโน้มกลับมาเป็นปกติมากขึ้นทั้งการเดินทางภายในประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศ รวมทั้งการขยายตัวของการลงทุนทั้งการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเป็นการใช้น้ำมันที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.2% ก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.8% การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1% และการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4%
ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงอย่างใกล้ชิด เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศหลักที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและภาคการส่งออก สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและอนุญาตให้มีการเดินทางระหว่างประเทศของประเทศจีน ซึ่งกระทรวงพลังงานจะติดตามและบริหารนโยบายพลังงานในช่วงวิกฤตราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติพลังงานต่อไป
“สนพ.ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกยังคงผันผวน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ทำให้ปีหน้าคนไทยยังคงต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราที่แพงเช่นเดิม แต่คงจ่ายในอัตราที่ไม่สูงเกินกว่า 5 บาท/หน่วย ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คงจะเคาะ 3 แนวทางการปรับขึ้นชัดเจนเร็วๆ นี้ โดยยังมีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ”นายวัฒนพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้ สนพ.เตรียมเสนอแผนพลังงานชาติ (NEP) ให้กระทรวงพลังงาน รับทราบภายในเดือนธ.ค. 2565 และเปิดรับฟังความคิดเห็นในช่วงเดือนม.ค. 2566 หลังจากนั้นจะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา คาดว่าจะประกาศใช้แผนอย่างเป็นทางการช่วง ไตรมาส 2/2566 โดยเบื้องต้นจะประกอบด้วยแผนพัฒนากำลังการผลิตพลังงาน(PDP 2022) ที่จะกำหนดสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 50% ก๊าซธรรมชาติ 40% ถ่านหิน 10% ที่เหลือจะเปิดโอกาสให้พลังงานไฮโดรเจนและนิวเคลียร์ เป็นต้น
นายวัฒนพงษ์ กล่าวว่าสำหรับปี 2565 สนพ.ประเมินแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานขั้นต้นของประเทศอยู่ที่ 2,056 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.2% สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยคาดว่าการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 14.9% การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7.1% ส่วนการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14.7% ยกเว้นก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะลดลง 9.1% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการผลิตภายในประเทศที่ลดลง และผลกระทบจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากผลพวงของเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทย-ตุรกี ชื่นมื่น รมช. สุชาติ จับมือ รมช. การค้าตุรกี ผลักดันเจรจา FTA ต่อ เพื่อสานสัมพันธ์การค้าการลงทุน
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้พบหารือทวิภาคีกับนายมุสตาฟา ตุซคู (H.E. Mr. Mustafa Tuzcu) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าสาธารณรัฐตุรกี ในห้วงการเดินทางเยือนตุรกี เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการถาวรว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า