'จุรินทร์' ฟิตจัด! ถกเอกชนบุก 3 ตลาดใหญ่ ตั้งเป้าปี 66 โกยเงินเข้าประเทศอีก 3 แสนล้านบาท

จุรินทร์” ฟิต! ถกเอกชน จับมือบุก 3 ตลาดใหญ่ ทั้ง ตะวันออกกลาง เอเชียใต้และ CLMV ตั้งเป้าปี 66 สร้างเงินให้ประเทศเพิ่มอีก 3 แสนล้านบาท ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

9 ธ.ค.2565 - นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์(กรอ. พาณิชย์) เพื่อหารือร่วมกันทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าพร้อมด้วยนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนภาคเอกชน ที่ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุม กรอ.พาณิชย์ มีภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทยและสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เพื่อเตรียมการส่งออกปีหน้ารองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวและปัญหาอื่นๆ เช่น ประเด็นที่หนึ่ง ปี 64 เศรษฐกิจ โลก +6% ในปีนี้ IMF คาดว่ามีแนวโน้ม +3.2% และปีหน้ามีแนวโน้ม +2.7% ซึ่งจะชะลอตัวในปีหน้าชัดเจน ประเด็นที่สองความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบต่อราคาพลังงานและความมั่นคงทางอาหารของโลก ประเด็นที่สาม นโยบายซีโร่โควิดของจีน ที่จีนเป็นคู่ค้าลำดับหนึ่งของไทย เป็นตลาดส่งออกลำดับใหญ่อันดับสองของไทย ประเด็นที่สี่ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท มีผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตส่งออกต่อไป และประเด็นที่ห้าทั้งหมดนี้จะมีผลกระทบต่อการส่งของไทยในปีหน้า

วันนี้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษให้การส่งออกปีหน้าตัวเลขยังคงดีที่สุดเท่าที่จะจับมือกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนของไทยเดินหน้าด้วยกัน วันนี้ที่ประชุมมีมติให้ตั้งวอรูมขึ้น เป็นวอรูม กรอ.พาณิชย์ที่ประกอบด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนทั้งหมด เพื่อทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตลอดปี 2566 รองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและปัญหายืดเยื้อที่ค้างคาจากปี 64-65 ที่ประชุมมีข้อสรุปเบื้องต้น ตั้งเป้าบุกตลาดที่มีศักยภาพเพิ่มยอดการส่งออกจากมาตรการปกติที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเป็นกรณีเฉพาะ บุก 3 ตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพประกอบด้วยตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียใต้ และตลาด CLMV โดย 3 ตลาดใหญ่นี้ ปี 65 คาดมียอดการส่งออกรวมประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท และปี 66 จะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท เพิ่มอีก 300,000 ล้านบาท เป้าหมาย 3 ตลาด

1. ตลาดตะวันออกกลาง มุ่ง 3 ตลาดใหญ่ซาอุดิอาระเบีย ยูเออีและกาตาร์ สินค้าเป้าหมายสำคัญ คือ อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ตั้งเป้าปี 66 เพิ่มตัวเลขส่งออก 3 ประเทศนี้ 20% จาก 8,900 ล้านเหรียญในปี 65 เป็น 10,300 ล้านเหรียญในปี 66 (350,000 ล้านบาท) และตลาดเอเชียใต้ เน้นประเทศสำคัญ 3 ประเทศ คือ อินเดีย บังกลาเทศและเนปาล
ตั้งเป้าส่งออกปีหน้าใน 3 ประเทศนี้ ตลาดเอเชียใต้ +10% เพิ่มจากปีนี้ที่ 12,000 ล้านเหรียญ เพิ่มเป็น 13,200 ล้านเหรียญ ในปี 66 (450,000 ล้านบาท) สินค้าสำคัญ เช่นเคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น 3.ตลาด CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ตั้งเป้า +10-15% จาก 28,000 ล้านเหรียญในปีนี้ เป็น 33,500 ล้านเหรียญในปีหน้า (1.14 ล้านล้านบาท) สินค้าเป้าหมายสำคัญ เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเร่งรัดการค้าชายแดน เช่น อาหาร ผลไม้ ผักและสินค้าอื่นเป็นต้น เป็นหน้าที่ของวอรูมจากนี้ต่อไปทำตลาดและยอดเพิ่มจากปกติที่ตั้งไว้ ช่วยประเมินตัวเลขการส่งออกปีหน้าร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ต่อไปด้วย

และที่ประชุมพิจารณา เห็นชอบว่า ตนควรนำคณะไปเยือนประเทศเท่าที่จำเป็นสำคัญคือ 1. UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) จะเป็นประตูสำคัญอีกประตูหนึ่งนอกจากซาอุดิอาระเบียส่งสินค้าไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
2.อินเดีย โดยเฉพาะรัฐคุชราต มีเมืองอาห์เมดาบัด ที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของอินเดีย มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
3.มณฑลยูนนาน ซึ่งไทยต้องเร่งรัดทำ Mini FTA เป็นที่ตั้งของด่านสำคัญของจีนคือ ด่านโม่ฮาน ขณะนี้รัฐบาลจีนเห็นชอบเปิดด่านได้แล้ว อาจมีปัญหาอุปสรรคในภาคปฏิบัติ จะเป็นโอกาสเจรจาร่วมกับมณฑลอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้าไทยไปจีนผ่านมณฑลยูนนานคล่องตัวขึ้น

สุดท้ายที่ประชุมเสนอให้นอกจากแผนงาน FTA ที่เดินหน้า ขณะรอการทำ FTA กับอังกฤษ เราควรเจาะทำ Mini FTA กับเมืองหรือเขตเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ เป็นการเร่งด่วนต่อไปด้วย และ Mini FTA กับปากีสถาน โดยเฉพาะเมืองลาฮอร์ ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของปากีสถานและสุดท้ายกลุ่มอ่าวอาหรับหรือ JCC ถ้ารอทำ FTA จะใช้เวลา ถ้าเราสามารถเจาะทำ Mini FTA ได้ก่อนจะช่วยตัวเลขการส่งออกได้เร็วขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' ยันยังไม่เลิก 'ไร่ละพัน' แจง 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' หวังช่วยชาวนาอีกทาง

'ภูมิธรรม' แจงไม่ได้ยกเลิกไร่ละพัน พร้อมดึงกลับมาใช้ถ้าราคาข้าวตก ย้ำคนละส่วนกับปุ๋ยคนละครึ่ง ชี้ สส. รุมค้าน เหตุไม่เข้าใจถ่องแท้ไปฟังเกษตรกรมา

'ศรีสุวรรณ' นำความทุกข์ชาวบ้านยื่นฟ้อง รมว.พาณิชย์ เหตุปล่อยสินค้า 'แพงทั้งแผ่นดิน'

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมาศาลปกครองกลาง เพื่อยื่นฟ้อง รมว.พาณิชย์ คณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ และอธิบดีกรมการค้าภายใน ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ

'ก้าวไกล' เหยื่อระบอบทักษิณ! ตราบใดกระแส 'อนุรักษ์นิยม' ยังไม่ฟื้น

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าพรรคก้าวไกล เหยื่อของระบอบทักษิณ!

'จุรินทร์' ซัดเต็มๆ ดิจิทัลฯ เป็นแค่น้ำข้าวต้มที่จะสร้างพายุหมุนหนี้ให้ประเทศ

'จุรินทร์' ซัดงบกลางปี 67 กู้มาแจกเงินหมื่นเท่านั้น ฉะโครงการล่าช้าเพราะความโหลยโท่ยของ รบ. ย้ำ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ได้ไม่คุ้มเสีย เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่าขอให้ข้าได้หาเสียง

พาณิชย์การันตี! เตรียมร้านค้ารองรับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ไว้พร้อมแล้ว

'ภูมิธรรม' เผยพาณิชย์เตรียมร้านค้ารองรับ 'ดิจิทัลวอลเลต' พร้อมแล้ว ประชุมวันนี้ทบทวนรายละเอียดทั้งหมด ก่อนนายกฯ แถลง 24 ก.ค.