กสิกรไทย อัดงบ 6.5 พันล้านถือหุ้นธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย เพิ่มเป็น 67.5%

กสิกรไทย ทุ่มงบกว่า 6.5 พันล้านบาท เข้าถือหุ้นธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย เพิ่มเป็น 67.5% เสริมความแข็งแกร่งในฐานะธนาคารระดับภูมิภาค

9 ธ.ค. 2565 – นายภัทรพงศ์ กันหสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด เปิดเผยว่า ธนาคารเดินหน้ากลยุทธ์การขยายธุรกิจสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดที่มีศัยกภาพสูง ล่าสุด บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด ได้รับอนุมัติจากธนาคารกลางประเทศอินโดนีเซีย และดำเนินการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในธนาคารแมสเปี้ยน ประเทศอินโดนีเซีย จากเดิมมีสัดส่วนสัดส่วนอยู่ที่ 9.99% เพิ่มเป็น 67.5% ด้วยมูลค่าการลงทุน 186.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 6,500 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้บริษัทของธนาคารกสิกรไทยกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (Controlling Shareholder) ของธนาคารแมสเปี้ยน

การเข้าซื้อกิจการของธนาคารแมสเปี้ยน ซึ่งเป็นธนาคารมีขนาดสินทรัพย์ 888 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 31,100 ล้านบาท และมีสาขาจำนวน 50 แห่งทั่วประเทศอินโดนีเซีย นับเป็นการควบรวมกิจการ (M&A) ครั้งแรกของธนาคารกสิกรไทยภายใต้กลยุทธ์การขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้นับว่าเกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ทั้งในแง่ความต้องการสินเชื่อที่กำลังเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอินโดนีเซียในช่วงการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และในแง่ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเกิดจากการหลั่งไหลของการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ธนาคารกสิกรไทย มีความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภาคส่วนของประเทศอินโดนีเซีย โดยจะนำประสบการณ์ ความพร้อม และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจธนาคารที่มีมายาวนานกว่า 77 ปี มาประยุกต์ ต่อยอด และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางการเงินของ KASIKORN Business Technology Group (KBTG) มาสู่ธนาคารแมสเปี้ยน เพื่อผลักดันให้ธนาคารแมสเปี้ยน เติบโตเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดใน East Java และพร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาวต่อไป ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มองค์กร/ธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (Commercial) และกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail)

กลุ่มองค์กร/ธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) ธนาคารจะเพิ่มศักยภาพในการปล่อยสินเชื่อและให้บริการด้านธนาคารที่ครบวงจร เพื่อเป็นหนึ่งในแหล่งเงินทุนที่ตอบสนองความต้องการของ ธุรกิจท้องถิ่นขนาดใหญ่ (Local Large Corporate) เนื่องจากธนาคารเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของกลุ่มธุรกิจนี้ ซึ่งกระจายอยู่ในหลากหลายสาขาธุรกิจของประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะผู้นำทางธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมให้เข้าสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ และจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงตลาดภายในประเทศของอินโดนีเซียให้เป็นหนึ่งเดียว ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ (National Development Plan) ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งธนาคารเชื่อว่าแผนนี้จะสามารถผลักดันให้ประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในปลายทางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างดี โดยธนาคารพร้อมจะเป็นสะพานเชื่อมการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศอินโดนีเซีย ทั้งจากธุรกิจไทย (TDI) และธุรกิจต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ (กลุ่มประเทศ AEC+3)

กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (Commercial) ธนาคารให้การสนับสนุนด้วยการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดกลางที่มีจำนวนมาก เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเทคโนโลยีทางการเงินที่จะช่วยปรับปรุงระบบการชำระเงินแก่ผู้ประกอบการ เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดในการขับเคลื่อนธุรกิจแบบรอบด้าน ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางกลุ่มนี้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และพร้อมขยายไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้ในอนาคต

กลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail) ธนาคารมุ่งขยายฐานลูกค้ารายย่อยในอินโดนีเซียผ่านการให้บริการ โมบายแบงก์กิ้ง หรือ บริการธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้ารายย่อย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็ก (MSME) ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างจำกัด แต่มีความสามารถในการใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลได้มากขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารได้ออกแบบผลิตภัณฑ์และการบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ มีฟีเจอร์ที่มีความหลากหลาย พร้อมทั้งพัฒนาระบบโมบายแบงก์กิ้งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มีแนวโน้มการใช้งานผ่านช่องทางนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายภัทรพงศ์กล่าวในตอนท้ายว่า ธนาคารเชื่อว่า ด้วยจุดแข็งด้านบริการทางการเงินและศักยภาพทางเทคโนโลยีของกสิกรไทย ผสานกับความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานในท้องถิ่นของธนาคารแมสเปี้ยน จะสามารถพัฒนาบริการที่ช่วยให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการท้องถิ่นในอินโดนีเซียเข้าถึงสินเชื่อและบริการทางการเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อสามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยจะมีการต่อยอดความสัมพันธ์จากฐานลูกค้าธุรกิจของธนาคารมีอยู่ในไทยและประเทศในภูมิภาค สร้างการเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ทั้งด้านห่วงโซ่การผลิต การลงทุน และการค้า ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจในไทย อินโดนีเซีย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปในอนาคต

การเข้าซื้อกิจการธนาคารมาสเปี้ยนของธนาคารกสิกรไทย ในปี 2565 ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของการยกระดับธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารระดับภูมิภาค AEC+3 ครั้งล่าสุด หลังจากได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจธนาคารท้องถิ่นใน สปป.ลาว ปี 2557 และได้ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีนในปี 2559 และประสบความสำเร็จจากการเปิดสาขาพนมเปญ ในประเทศกัมพูชาปี 2560 และสาขาโฮจิมินห์ซิตี้ ในประเทศเวียดนามในปี 2564

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กสิกรไทยจัดฟอรัมใหญ่ EARTH JUMP 2024 รวมวิทยากรระดับโลกและไทย

กสิกรไทยจัดงาน “EARTH JUMP 2024 : The Edge of Action” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เป็นสัญญาณที่ดีของธุรกิจไทยที่ตระหนักถึงผลกระทบต่อภาวะโลกเดือดซึ่งจะส่งผลต่อความอยู่รอดของธุรกิจ โดยได้รับเกียรติจาก

จะเอาให้ได้! 'เศรษฐา' เรียก 4 แบงก์ยักษเข้าทำเนียบฯ คุยลดดอกเบี้ย หลังธปท.ไม่เล่นด้วย

ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้เรียก 4 ธนาคารเข้าพบ

กสิกรไทย โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1 ทำกำไร 13,486 ล้านบาท

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2567 ยังคงเผชิญข้อจำกัดในการฟื้นตัว เพราะแม้จะมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า

กสิกรไทย ชูยุทธศาสตร์ Climate หนุนภาคธุรกิจ อัดฉีดเม็ดเงินความยั่งยืน แตะ 1 แสนล้านบาท ในปี 67

ธนาคารกสิกรไทยเปิดยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ปี 2567 ที่จะพาธุรกิจไทยก้าวสู่โลกธุรกิจรูปแบบใหม่ พร้อมรับมือยุค Climate Game

กสิกรไทยจัดเต็ม EARTH JUMP 2024 ฟอรัมแห่งปีที่จะพานักธุรกิจและผู้ประกอบการก้าวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

ธนาคารกสิกรไทย จัดงาน “EARTH JUMP 2024 : The Edge of Action” เป็นปีที่ 2 ฟอรัมสุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่ห้ามพลาด งานที่จะพานักธุรกิจและผู้ประกอบการก้าวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ