ขนส่งฯย้ำแอปฯเรียกรถถูกกฎหมายได้ใช้แน่ปีนี้

ขนส่งฯยืนยันบริการเรียกรถบุคคลผ่านแอปพลิเคชัน มีผู้ประกอบการทั้งรายใหม่ รายเก่าสนใจ เตรียมดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ให้เป็นตามเงื่อนไข ของรถที่จะใช้ และการสอบใบขับขี่รถสาธารณะของผู้ขับรถ

17 พ.ย. 2564 นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมขนส่งทางบก(ขบ.)เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเรียกรถส่วนบุคคลโดยสาร ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้การกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่นสำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564 เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า การดำเนินการโครงการเรียกรถส่วนบุคคลผ่านแอปฯ ที่มีการเปิดให้ผู้ประกอบการเข้าแสดงความจำนงค์ขอเป็นผู้ให้บริการนั้น ยืนยันว่ามีผู้ประกอบการให้ความสนใจหลายรายทั้งที่ให้บริการอยู่แล้ว และรายใหม่

“ปัจจุบันได้มีผู้ประกอบการเข้ามาแสดงความสนใจแล้ว 5-6 ราย เช่น บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Grab), บอนกุ (BONKU), บริษัท ฮัลโหลภูเก็ตเซอร์วิสจำกัด (Hello Phuket) และ แอร์เอเชีย ซึ่งกำลังดูรายละเอียดต่างๆอยู่ เพื่อประกอบการยื่นขออนุญาตให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนด เช่น คุณสมบัติต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย, มีทุนจดทะเบียน ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท, มีสถานที่ประกอบการในไทย, มีความพร้อมในการให้บริการตลอด 24 ชม. และต้องไม่เคยถูกเพิกถอนการได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการระบบ GPS ตามกฎหมายของ รวมทั้งต้องพัฒนาแอปฯ  ให้มีหน้าตาตามที่กฎกระทรวงกำหนด กรอบราคาค่าโดยสาร และประเภทรถที่จะใช้บริการ”นายจิรุตม์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯ เหล่านี้ต้องเตรียมความพร้อมบุคคลที่จะนำรถยนต์มาให้บริการต้องดำเนินการเงื่อนไขที่ ขบ. กำหนดด้วย โดยให้จดทะเบียนได้เพียงคนละ 1 คัน แต่หลังจากนั้นคนขับสามารถใช้แอพฯ ในให้การบริการมากกว่า 1 แอปพลิเคชัน หรือ 1 คน มี 2-3 แอปพลิเคชันก็ได้แล้วแต่สิทธิ์คนขับรถ ทั้งนี้ต้องดำเนินการขอรับใบขับขี่สาธารณะด้วย ซึ่ง ขบ. จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินการให้ โดยการเปิดให้ทำในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนที่มาดำเนินการด้านใบขับขี่ในวันทำงานปกติ จันทร์-ศุกร์

ทั้งนี้เมื่อบริษัทฯ มีแผนขัดเจนแล้ว ขบ. จะจัดกลุ่มแบ่งจำนวน 200-300 คน หรือตามความเมเหมาะสมของสถานที่ ในการเข้าอบรมขอรับใบขับขี่สาธารณะต่อไป เพื่อให้เกิดความสะดวก และรวดเร็ว ขณะเดียวกันจะต้องประสานงานทางตำรวจให้ช่วยตรวจสอบประวัติอาชญากรรมให้ผู้ที่มาขอรับใบขับขี่สาธารณะด้วย ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้จะต้องดำเนินการควบคู่กัน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเห็นบริการเรียกรถผ่านแอพฯ ภายในปีนี้ 

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลต่อต้นทุนค่าขนส่งนั้น ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรถบรรทุก ได้รับความเดือดร้อน จึงต้องการให้ทบทวนโครงสร้างราคาน้ำมันให้เหลือ 25 บาทต่อลิตร โดยขณะนี้ทางกระทรวงพลังงาน จะนำข้อเสนอต่างๆ ไปศึกษาทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างอัตราราคาน้ำมัน และต้นทุน เพื่อหาทางออกให้กับผู้ประกอบการขนส่ง และภาคประชาชนต่อไป