สนพ.ชี้รถอีวีบูมเอกชนลุยผลิตขยายโรงงาน

สนพ.เยือนโรงงานผลิต EV ลั่นเอกชนรับไหวนโยบาย 30@30 ด้าน แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี โชว์กำลังการผลิต 9,000 คันต่อปี เตรียมขยายโรงงานแห่งที่ 2 พร้อมขึ้นเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญในไทย

28 พ.ย. 2565 – นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยภายหลังเยี่ยมชมดูงานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ว่า สนพ. เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเสนอนโยบายและแผนการบริหารงานด้านพลังงานของประเทศ และในฐานะเลขานุการร่วมของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ซึ่งหลังจากการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 29 รัฐบาลได้ประกาศจุดยืนผลักดันไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเอกชนทั้งหมดจะดำเนินงานตามนโยบายการตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือ รถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 หรือ “30@30”

“การเข้าเยี่ยมชมของ 2 บริษัท ในครั้งนี้เพื่อรับฟังความเห็นผู้ประกอบการต่อนโยบายส่งเสริมการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนตามแนวทางของบอร์ด EV ซึ่งในปัจจุบันพบว่าเทคโนโลยีนวัตกรรมของยานยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูง ส่งผลให้ประชาชนเริ่มหันมาสนใจยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น หากบรรลุเป้าหมายนโยบาย 30@30 จะช่วยลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อก้าวไปสู่ Green Economy หรือเศรษฐกิจพลังงานสะอาดตามเป้าหมาย Zero Emission ของประเทศด้วย”นายวัฒนพงษ์ กล่าว

ด้านนายศรัญญู สอนกำเนิด รักษาการผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด กล่าวว่าสายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี ทั้งนี้บริษัทประเมินว่ากำลังการผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน จึงเตรียมขยายโรงงานแห่งที่ 2 ให้รองรับการผลิตได้ประมาณ 50,000 คันต่อปี พร้อมเตรียมแผนสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศมากขึ้นเพื่อลดการนำเข้า โดยตั้งเป้าว่าจะนำเข้า 20% และใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 80% ขานรับนโยบายจากภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญ ในส่วนของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด

นายชาญยุทธ ฉายาวัฒนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) กล่าวว่า เป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่มีเทคโนโลยีแบบ Ultra Fast Charge รองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับความต้องการใช้งานแบตเตอรี่ในประเทศไทยที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดผลสำเร็จ นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค

เพิ่มเพื่อน