ส.อ.ท.ปลื้มดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ พุ่งติดต่อเดือนที่ 5 สะท้อนคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิตเติบโตทุกรายการ จับตาปัญหาอุทกภัย-อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ส่อปรับตัวสูงเป็นปัจจัยลบ เสนอรัฐออกมาตรการกระตุ้นศก. เป็นของขวัญปีใหม่ให้ ปชช.
10 พ.ย. 2565 -นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนต.ค. 2565 ว่าอยู่ที่ระดับ 93.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 91.8 ในเดือนก.ย. โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ทั้งนี้องค์ประกอบดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ โดยปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐประกาศยกเลิกโรคโควิด-19 จากโรคติดต่อร้ายแรง เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังภายหลังสถานการณ์ระบาดทั่วโลกคลี่คลายลง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและภาคการท่องเที่ยว ด้านการส่งออกประเทศคู่ค้าเริ่มสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อส่งมอบในช่วงปลายปี สะท้อนจากดัชนีฯ คำสั่งซื้อและยอดขายโดยรวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีฯ ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการดูแลพลังงานของภาครัฐ รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปเริ่มคลี่คลายลง อย่างไรก็ตามปัจจัยลบในเดือนนี้ ได้แก่ ปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัดได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรและกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อคมนาคมและขนส่งสินค้ารวมทั้งส่งผลกระทบต่อภาคการก่อสร้าง นอกจากนี้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,310 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของส.อ.ท. ในเดือนต.ค. 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นได้แก่ ราคาน้ำมัน 63.5% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 40.7% ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก 69.8% เศรษฐกิจในประเทศ 41.0% สถานการณ์การเมือง 38.0% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 33.4% และสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ 30.8% ตามลำดับ
“สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 98.8 ปรับตัวลดลง จาก 101.8 ในเดือนกันยายน เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ตลอดจนความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย – ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทย”นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวว่าภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ได้แก่ 1.เสนอให้ภาครัฐเตรียมแผนรับมือและป้องกันปัญหาอุทกภัยและน้ำแล้ง รวมทั้งเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการบริหารจัดการน้ำ การบูรณาการปรับปรุงผังเมือง ผังน้ำทั่วประเทศ และแก้ปัญหาสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ตลอดจนออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักรไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 100%
2.เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ เพื่อเป็นของขวัญรับปีใหม่และช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วง ท้ายปี 2565 อาทิ โครงการช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษี 30,000 บาท โครงการคนละครึ่งเฟส 6 วงเงิน ขั้นต่ำ 3,000 บาท รวมทั้งเพิ่มจำนวนสิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็น 2 ล้านสิทธิ์ เป็นต้น และ 3.เสนอให้ภาครัฐพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือนมกราคม – เมษายน 2566 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการในสภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวน รวมทั้งเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' คุย กกร. ชื่นมื่น! ปลื้มอวย 'พ่อนายกฯ' แก้เศรษฐกิจเก่งสุด
นายกฯ คุย ‘กกร.’ รับข้อเสนอแก้เศรษฐกิจ จับมือเอกชนหารายได้ใหม่เข้าประเทศ ด้าน ‘สนั่น’ เชื่อมั่นรัฐบาลอิ๊งค์ พร้อมช่วยดันจีดีพีโต ชมเปาะ 'ทักษิณ' เก่งสุด
เอกชนยังอุ่นใจ ได้รบ.พรรคเดิม สานต่อนโยบาย
ประธาน ส.อ.ท.เทียบ "ชัยเกษม-เเพทองธาร" เด่นคนละแบบ ชี้ "ชัยเกษม" มีความเก๋าทางการเมือง "แพทองธาร" เป็นคนรุ่นใหม่เข้าใจวัยรุ่น