“อาคม” คาดเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง แจงแบงก์ชาติเกาะติดใกล้ชิด ฟุ้งสถาบันการเงินตรึงดอกเบี้ยช่วยลูกค้า บรรเทาภาระต้นทุนเต็มพิกัด
4 พ.ย. 2565 – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% ว่า เรื่องนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในส่วนของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาขึ้นนั้น ที่ผ่านมาสถาบันการเงินได้พยายามตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ให้นานที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นการเพิ่มต้นทุนให้ผู้ประกอบการและรายย่อย
“ธปท. ได้พิจารณาถึงภาระและผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้วว่าจะมีกับใครบ้าง และพยายามบรรเทาผลกระทบให้ดีที่สุด เพราะเรายังอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว โดยต้องยอมรับว่าสหรัฐฯยังไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ย ครั้งนี้ขึ้นเยอะ และยังเหลืออีก 1-2 ครั้ง ก็ต้องช่วยกันประคองให้ระบบการเงินของเราไปได้ และไม่เป็นหนี้เสีย” นายอาคม กล่าว
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์และโฆษก ธปท. เปิดเผยว่า การตัดสินนโยบายล่าสุดของเฟด และการสื่อสารเกี่ยวกับแนวนโยบายในอนาคตเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ โดยขณะนี้ เฟดมุ่งมั่นที่จะดูแลเงินเฟ้ออย่างเต็มที่ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะยาว ทั้งนี้ หลังการประชุมอาจเห็นความผันผวนระยะสั้นในตลาดการเงินโลกและไทยบ้าง ซึ่ง ธปท. ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของการดำเนินนโยบายของไทยในระยะต่อไป ก็ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับบริบทของไทยเช่นกัน ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน โดยการดำเนินนโยบายจะมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และให้ทันกาล ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้สื่อสารมาต่อเนื่อง
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท การตัดสินนโยบายของเฟดส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเทียบกับทุกสกุล โดยในช่วงเช้า ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับอ่อนค่าลง 0.8% และดัชนีค่าเงินบาท (เทียบสกุลภูมิภาค) ปรับอ่อนลง 0.34% ด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ
ตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 2 พ.ย. 2565 เงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง 11% โดยถือว่าอ่อนในระดับกลาง ๆ เทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาทอ่อนลงเพียง 0.7% สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังมีฐานะเป็นซื้อสุทธิในสินทรัพย์ไทย1.1 แสนล้านบาท
