26 ต.ค. 2565 – นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด มหาชน (COTTO) เปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทานของ COTTO ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 3,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เนื่องจากในปีนี้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ซึ่งมีกำไร 135 ล้านบาท ลดลง 17% เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค 131 ล้านบาทด้วย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับปีก่อนโดยไม่รวมรายได้จากการขายที่ดิน บริษัทจะมีรายได้จากการขายเฉพาะสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 24% และกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 22% จากการที่บริษัทได้มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนการผลิต
สำหรับภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงไตรมาสที่ 3 จนถึงสิ้นปีนี้ บริษัทฯ มองว่ามีสัญญาณเริ่มฟื้นตัวขึ้น จากปัจจัยสำคัญ คือ การเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการการเดินทาง ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวดีขึ้น จากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เริ่มกลับเข้ามามากขึ้น การลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดก่อสร้างและการต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัย มีแนวโน้มที่ดีหลังจากนี้ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แม้ว่าค่าครองชีพจะพุ่งสูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากต้นทุนพลังงานและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศ
“มาตรการของรัฐที่สนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดหน่วยค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง คลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ยังถือเป็นสัญญานที่ดี ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญการบริหารความเสี่ยงทางด้านต้นทุนจากราคาพลังงานและภาวะเงินเฟ้อ พร้อมกับพยายามป้องกันและลดผลกระทบต่อยอดขายและรายได้ โดยเราจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาฐานตลาด ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุน ปรับตัวให้ไว มองหาโอกาสใหม่ในการทำธุรกิจ รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าโดยจะเน้นไปที่การขายสินค้า HVA และสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเป็นหลักเพื่อสร้างผลกำไรให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน ” นายนำพล กล่าว
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดช่วงปลายไตรมาสนี้ ส่งผลต่อปริมาณการขายกระเบื้องเซรามิกลดลง งานก่อสร้างชะลอตัว ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากสถานการณ์น้ำคลี่คลายคาดว่าปริมาณการขายสินค้าจะกลับมาเป็นปกติ หรือเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง จากผู้บริโภคที่น่าจะมีความต้องการซื้อสินค้าเพื่อซ่อมแซมและตกแต่งบ้านมากขึ้น ทั้งนี้ยังสอดคล้องไปกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ โครงการลงทุนโครงการซ่อมแซมปรับปรุงสาธารณูปโภค และมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทางภาครัฐอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บีเจซี เผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 ดันรายได้รวมเติบโตทะลุ 41,774 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตกว่า 14.2%
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 41,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603 ล้านบาทจากปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,825 ล้านบาท
ผลประกอบการ SCGD 9 เดือนแรกปี 67 คว้ากำไร 730 ล้านบาท เพิ่ม 15% จากปีก่อน แม้ฝ่ามรสุมรอบด้าน ไตรมาส 3 ยังกำไร 189 ล้านบาท
ผลประกอบการ SCGD 9 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิ 730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่ 637 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 เผชิญความท้าทายรอบด้าน
บีเจซี เผยผลประกอบการไตรมาส 2/67 ดันรายได้รวมเติบโตทะลุ 43,085 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานเติบโตกว่า 15%
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 2/67 เท่ากับ 43,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 257 ล้านบาทจากปีก่อน
บจ. มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและธุรกิจน้ำมัน
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานผลการดำเนินงานงวดหกเดือนแรกปี 2567 มีรายได้และกำไรสุทธิเติบโต ขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่าเพิ่มไปสู่ธุรกิจภาคบริการ อุปโภคบริโภค อีกทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมันได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น