‘อนุทิน–ศักดิ์สยาม’ นำทีมลงพื้นที่ สปป.ลาว ถกรถไฟเชื่อมขนส่ง 2 ประเทศ

‘อนุทิน–ศักดิ์สยาม’ขนทัพผู้แทนรัฐบาลไทย ลงพื้นที่ สปป.ลาว หารือโครงการเชื่อมต่อรถไฟ ช่วงหนองคาย–เวียงจันทน์ เชื่อมโยงด้านการขนส่งระหว่าง 2 ประเทศพร้อมกางแผนเชื่อมโยงทางรถไฟไทย–ลาว–จีน ยันไฮสปีดกรุงเทพฯ-โคราช เปิดใช้ปี 69 ส่วนเฟส 2 ถึงหนองคาย เตรียมให้บริการปี 71

6 ต.ค.2565-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 6 ต.ค. 2565นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมหารือกับ นายเวียงสะหวัด สีพันดอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการพัฒนาเชื่อมโยงการขนส่ง การค้าการลงทุนของ สปป.ลาว เกี่ยวกับโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟ ช่วงหนองคาย–เวียงจันทน์ โดยมีนางสาวจิรัสยา พีรานนท์ อุปทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียงจันทน์ เข้าร่วมประชุมด้วย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมร่วมกับกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ในครั้งนี้ เป็นการประชุมสำคัญที่ทั้งประเทศไทย และสปป.ลาว ได้เห็นชอบร่วมกันในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ทั้งนี้ ประเทศไทยยืนยันว่า ต้องการจะส่งเสริมและสานต่อมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน โดยทั้ง 2 ประเทศต่างเป็น “บ้านใกล้เรือนเคียง” ที่ดี พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันและมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงและคล้ายคลึงกัน ทั้งด้านภาษาวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกัน การเปิดให้บริการโครงการรถไฟลาว–จีน ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมนครหลวงเวียงจันทน์กับคุนหมิงนั้น จะส่งเสริมการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างลาวและจีนให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยมีความตั้งใจที่จะทำให้การเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างหนองคายและเวียงจันทน์เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้ง 2 ประเทศ ตลอดจนส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งอย่างเป็นระบบ อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมกันหารืออย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับทั้ง 2 ประเทศ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ฝ่าย นำผลการหารือไปปฏิบัติเพื่อให้การเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมมีความคืบหน้าและเกิดผลประโยชน์สูงสุดสุดร่วมกัน โดยเฉพาะการพัฒนาการประสานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้อาเซียนเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน และเชื่อว่าอาเซียนที่มีความเป็นปึกแผ่นจะเป็นอาเซียน ที่มีพลังและสามารถมีบทบาทสำคัญในประเด็นระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคนี้ต่อไป

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมตระหนักถึงความสำคัญของโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟ ไทย–ลาว–จีน เพื่อรองรับการเดินทางและขนส่งระหว่างประเทศ และถือเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาคที่ยั่งยืน ที่จะสร้างโอกาสให้ทั้งสองประเทศในการส่งเสริมการขยายตัวด้านอุตสาหกรรม การเกษตร การค้า การลงทุนและบริการ และช่วยเพิ่มขีดความสามารถและโอกาสการแข่งขันในเวทีการค้าโลก
โดยในขณะนี้ฝ่ายไทยได้มีแผนเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟหนองคายไปยังสถานีรถไฟเวียงจันทน์ ด้วยการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 ได้ ซึ่งการหารือร่วมกันในวันนี้ เป็นนิมิตหมายอันดีที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงร่วมกันที่จะพัฒนาและปรับปรุงความร่วมมือด้านการคมนาคมทั้ง 4 มิติ เพื่อที่การเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ จะมีความคืบหน้าและบรรลุเป้าหมาย ตามที่ผู้นำของทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกัน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สำหรับการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน มีแผนการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน มีรายละเอียด ดังนี้
1.แผนการก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ–นครราชสีมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าเปิดให้บริการปี2569,โครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย อยู่ระหว่างปรับปรุงรายงาน EIA คาดว่าเปิดให้บริการปี 2571,โครงการรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น–หนองคาย ระยะทางประมาณ 167 กิโลเมตร (กม.) สถานีทั้งหมด 15 สถานี คาดว่าจะสามารถนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปี 2565

2.การบริหารจัดการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพาน
ได้แก่ การบริหารจัดการสะพานเดิมระหว่างรอการก่อสร้างสะพานแห่งใหม่ โดยเพิ่มขบวนรถขาไป 7 ขบวนและขากลับ 7 ขบวน รวม 14 ขบวน รองรับขบวนละ 25 แคร่ โดยกรมทางหลวง (ทล.) ทำการทดสอบการรับน้ำหนักรถไฟ ในระดับU–20 เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของสะพาน

และการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ใกล้กับสะพานเดิมที่มีอยู่ ห่างประมาณ 30 เมตร มีทั้งทางรถไฟขนาดมาตรฐาน และทางขนาด 1 เมตร ปัจจุบันได้ข้อตกลงว่าฝ่ายไทยและฝ่ายลาวจะร่วมลงทุนค่าใช้จ่ายร่วมกันในอาณาเขตของแต่ละฝ่าย โดยกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมทางหลวงดำเนินการออกแบบสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ให้สามารถรองรับรถยนต์ด้วย

ทั้งนี้ ทล. ได้ปรับการดำเนินการออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 การศึกษาความเหมาะสมของโครงการ (Feasibility Study : FS Study) และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination: IEE) และระยะที่ 2 งานออกแบบรายละเอียด (Detailed Design) และงานศึกษาทบทวนผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งขณะนี้ ทล. ได้ประกาศร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference : TOR ) สำหรับการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโครงการ

3.การพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้า โดยแนวทางพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้าของฝั่งไทย–ลาว เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย–เวียงจันทน์ แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะเร่งด่วน การพัฒนาย่านสถานีหนองคายเป็นพื้นที่เปลี่ยนถ่ายสินค้า การเตรียมความพร้อมในการเปิดเส้นทางรถไฟจีน–ลาว โดยมีการพัฒนาสถานีหนองคายให้รองรับการขนส่งผ่านสะพานเดิม โดยเพิ่มรถไฟ จาก 4 ขบวนต่อวันเป็น 14 ขบวนต่อวัน และเพิ่มจากขบวนละ 12 แคร่ เป็น 25 แคร่ โดยพัฒนาบริเวณสถานีที่มีพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้าระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนถ่ายจากถนนสู่ราง

ทั้งนี้ รฟท. ได้ปรับปรุงพื้นที่บริเวณลานยกขนสินค้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรมศุลกากรดำเนินการขอออกประกาศใช้พื้นที่บริเวณสถานีหนองคายเป็นพื้นที่ตรวจปล่อย จำนวน 46,800 ตารางเมตร โดย รฟท. อยู่ระหว่างพิจารณาแบ่งพื้นที่คงเหลือ จากการใช้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยออกเป็น 5 แปลง พื้นที่แปลงละ 11,200 ตารางเมตร เพื่อออกประกาศเชิญชวนจำนวน 4 แปลง และกันไว้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง 1 แปลง โดยจะกำหนดราคาค่าเช่าตามระเบียบต่อไป

ระยะยาว การพัฒนาพื้นที่นาทาเพื่อเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้า (เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในอนาคต) พัฒนาพื้นที่ย่านสถานีรถไฟนาทา จังหวัดหนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งจากจีน–ลาว และส่งออกไปยัง สปป.ลาว
ปัจจุบัน รฟท. อนุมัติให้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาโครงการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งทางรางจังหวัดหนองคาย โดยคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในปี 2565

เพิ่มเพื่อน