![](https://storage-wp.thaipost.net/2022/09/นางสาวชญาวดี-ชัยอนันต์.jpg)
30 ก.ย. 2565 – นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบวาระ 8 ปี ว่า ธปท.ไม่ได้ใส่ปัจจัยในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่จะพิจารณาในเรื่องการเบิกจ่ายงบจะทำได้ต่อเนื่องหรือไม่
ทั้งนี้ ผ่านมาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจไม่ว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร เชื่อว่าจะไม่มีมีผลกระทบต่อการใช้จ่าย และงบประมาณปี 2566 ก็มีผลบังคับใช้แล้ว ด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้น ธปท.มองว่า ยังให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการทำนโยบายด้านการเงิน การคลัง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่องมากกว่า
นางสาวชญาวดี กล่าวว่า ยอมรับว่าการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% อาจมีผลต่อภาระประชาชนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงต้องดูแลเช่นกัน สิ่งที่ดำเนินการ เงินเฟ้อที่จะส่งผลต่อค่าครองชีพก็ต้องดูแล แต่ภาระจากการขึ้นดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นได้หารือกับเจ้าหนี้ ก็พยายามหามาตรการช่วยให้ลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ โดยหลัก ๆ ที่นโยบายการเงินต้องดูแล คือเงินเฟ้อ และดูแลไม่ให้เงินเฟ้อติด เพราะหากติดแล้วดับยาก ลูกหนี้และเจ้าหน้าจะได้รับผลกระทบทั้งหมด
สำหรับเศรษฐกิจไทยในเดือน ส.ค. 2565ฟื้นตัวจากการลงทุนเอกชน และนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวจากรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
ขณะที่ภาคการส่งออกขยายตัว 8.2% โดยปรับลดลงตามอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอตัว ประกอบกับมีปัจจัยกดดันชั่วคราวด้านอุปทานในหมวดปิโตรเลียมจากการบริหารจัดการสินค้าคงคลังของโรงกลั่นน้ำมัน และในหมวดสินค้าเกษตรจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ด้านการนำเข้าในเดือนส.ค. ขยายตัว 23.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าจากการนำเข้าเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ และสินค้าอุปโภคและบริโภคตามการนำเข้าสินค้าคงทน
สำหรับการบริโภคภาคเอกชนทรงตัวจากเดือนก่อน ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนทยอยปรับดีขึ้น โดยเฉพาะการจ้างงานและความเชื่อมั่นผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงยังคงเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคในภาพรวม ขณะที่เสถียรภาพ พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ที่ 7.86% จากอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดตามราคาผักและผลไม้เป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.15% เพิ่มขึ้นจากทั้งหมวดอาหารและที่ไม่ใช่อาหาร
ด้านค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ในเดือนส.ค. เฉลี่ยแข็งค่าขึ้น จากความเชื่อมั่น (Sentiment) การเปิดประเทศ ก่อนจะปรับอ่อนค่าลงอีกครั้งในเดือนก.ย.ตามตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในไตรมาส 2/65 ของไทยที่ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับท่าทีการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เข้มงวดขึ้น
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในเดือน ก.ย. 2565คาดว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามระยะต่อไป ยังต้องติดตามการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุน ค่าจ้าง และราคาสินค้า รวมถึงอุปสงค์ของต่างประเทศที่ชะลอตัว และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และนับต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อึ้ง!ปดิพัทธ์บอกยุบ 'ก้าวไกล' แสดงว่าไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยส่งผลสภานานาชาติ
'ปดิพัทธ์' ยอมรับมีชื่อเป็น กก.บห.ก้าวไกล เสี่ยงพ้น สส. หากพรรคถูกยุบจริง แต่เชื่อมั่นว่าการสู้คดีมีน้ำหนัก ไม่เสียดายตำแหน่งรองประธานสภา ชี้งานที่หาเสียงไว้ทำได้หมดแล้ว
เลขาฯกกต. โต้ก้าวไกล ปมยื่นยุบพรรค
นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต และนายทะเบียนพรรคการเมือง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงอำนาจ และการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. เลขาฯกกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อกรณีการยื่นยุบพรรคการเมือง
'ชัยธวัช' ลั่นทุกคนในพรรคนิ่ง ถ้ายุบจริงเราตกผลึกหมดแล้ว ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยไม่มีการไต่สวน
'รังสิมันต์' รับสภาพคงสู้คดียุบพรรคยากขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญขีดเส้นตาย
'โรม' รับคงสู้คดียากขึ้น หลังศาล รธน.นัดชี้ขาดยุบก้าวไกล 7 ส.ค.นี้ ย้ำความสำคัญอยู่ที่กระบวนการ ยกพยานปากสำคัญควรได้ขึ้นไต่สวน ยันพรรคไม่ได้ล้มล้างการปกครอง
7 ส.ค.ระทึก!ศาลรัฐธรรมนูญลงมติคดีก้าวไกลล้มล้างการปกครอง
ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยคดีก้าวไกล ล้มล้างการปกครอง 7 ส.ค.นี้