โฆษกรัฐบาลเผย แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ปีงบฯ 66 รัฐมุ่งเน้นการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คำนึงถึงปัจจัยรอบด้าน ภายใต้กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง
30ก.ย.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 65 มีมติอนุมัติ เรื่อง แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 ว่า แผนดังกล่าว มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และรองรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ที่เกิดจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก ตลอดจนสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน โดยแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 ประกอบด้วย
1. แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1,052,785.47 ล้านบาท ได้แก่ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล วงเงิน 819,765.19 ล้านบาท เป็นการกู้เพื่อขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 695,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของรัฐบาล ส่วนที่เหลือเป็นการให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และวงเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องเงินคงคลัง การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ วงเงิน 233,020.28 ล้านบาท เป็นการกู้เพื่อการลงทุนในสาขาคมนาคม (รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3) สาขาพลังงาน (ปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน) สาขาสาธารณูปโภค (ปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาต่าง ๆ) สาขาที่อยู่อาศัย (พัฒนาที่อยู่อาศัย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง)
นายอนุชา กล่าวว่า 2. แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 1,735,962.93 ล้านบาท เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล วงเงิน 1,589,973.34 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ วงเงิน 145,989.59 ล้านบาท เพื่อบริหารหนี้สาธารณะให้อยู่ภายใต้การบริหารต้นทุนและความเสี่ยงที่เหมาะสม และ3. แผนการชำระหนี้ วงเงิน 360,179.68 ล้านบาท เป็นแผนการชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 และเงินรายได้ของรัฐวิสาหกิจ
นายอนุชา กล่าวว่า ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 65 มีมติเห็นชอบแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2566 และนำเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อให้รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐสามารถดำเนินการตามแผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2566 ได้ทันตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณากรอบการจัดทำแผนฯ โดยคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปัญหาราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็นวงกว้าง โดยแผนฯ ในปีงบประมาณ 2566 รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้นโยบายการคลังในการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการกู้เงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่กล่าวมา
โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาถึงนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพคล่องของตลาดการเงินภายในประเทศเพื่อรองรับการกู้เงินตามแผนฯ ในปีงบประมาณ 2566 และขอย้ำว่าการจัดทำแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปี 2566 ในครั้งนี้ อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้แก่ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะว่าด้วยหลักเกณฑ์การบริหารหนี้ พ.ศ. 2561 โดยภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นปีงบประมาณ 2566 กระทรวงการคลังคาดว่า จะอยู่ที่ร้อยละ 60.43 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังที่ร้อยละ 70
“รัฐบาลบริหารด้านการเงินการคลังอย่างมีระบบ ระเบียบ โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน ทั้ง ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ไปจนถึงสถานการณ์โลก ประกอบกับจุดอ่อน จุดแข็ง ศักยภาพของประเทศเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ควรสนับสนุนเพื่อเปิดโอกาสในการพัฒนาให้เท่าทันบริบทของโลก เป็นไปตามแผนการพัฒนาชาติ ซึ่งต้องเป็นไปตามความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม” นายอนุชา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯอิ๊งค์' ถกหัวหน้าส่วนราชการ ลุยลงทุน 9.6 แสนล้าน กระตุ้นจีดีพีประเทศ
นายกฯ ถกหัวหน้าส่วนราชการฯ กำชับผลักดันเม็ดเงินลงทุน 9.6 แสนล้าน สู่ระบบเศรษฐกิจ กระตุ้น ‘จีดีพี’ ประเทศ
'เอ็ดดี้' ชำแหละ! แผนรัฐบาลคุม 'แบงก์ชาติ' บรรลุ 6 เป้าหลัก
นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์" ในหัวข้อ "อะไรคือจุดประสงค์ของการแทรกแซงแบงก์ชาติจากฝ่ายการเมือง"
'พปชร.' จี้รัฐบาลประมูลไฟฟ้าพลังงานทางเลือกโปร่งใส หวั่นแจกเงินดิจิทัลรอบสองไม่กระตุ้นศก.
'พปชร.'จี้ รัฐบาลประมูลไฟฟ้าพลังงานทางเลือกโปร่งใส หลังใช้คุณสมบัติผู้ประมูลเป็นตัวตั้ง เหมือนไม่มีเจตนาลดราคา ข้องใจ รองนายกฯเศรษฐกิจ-รมว.พลังงาน พูดสวนทางกัน พร้อมจี้ รบ.ตอบให้ชัดเจน แจกเงินดิจิทัลรอบสองเมื่อไหร่ หวั่นทิ้งระยะนาน ไม่กระตุ้นศก. เพิ่มภาระคลัง ทำไทยเสี่ยงถูกลดเครดิตเรตติ้ง
นายกฯ เผย เตรียมโอนเงินหมื่น กระตุ้นเศรษฐกิจ อีก 2 รอบ 21 พ.ย.กับ 21 ธ.ค.
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า เรื่องโครงการแจกเงิน 10,0
บ้านเดียวได้เงินหมื่น 9 คน รวมเกือบแสน เผยซื้อข้าวสารหอมมะลิเป็นสิ่งแรก
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ อ.พล จ.ขอนแก่น หลังพบว่ามีผู้ที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทผ่านสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ครอบครัวเดียวเกือบ 100,000 บาท ตามสิทธิ์ที่ได้รับ
ลากไส้พรรคเพื่อไทย เคยด่า 'คนละครึ่ง' ต่อให้สิ่งที่ทำดี ถ้าอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็จ้องโจมตี
จากกรณีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวว่า จะมีการฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง